Inside Dara
ทุกคนมีองค์ ผู้จัด 'ตู่ ปิยวดี' เปิด 5 ความลับกองละคร

ไม่ได้บอกว่ามีเพียงแค่นักแสดงหลักที่มีองค์ทุกคน แต่แม้กระทั่งทีมงาน ตากล้อง ช่างไฟ สวิตเชอร์ ไปจนถึงแม่ครัว ก็ต่างมีองค์ทั้งนั้นอยู่ที่ว่าจะเมเนจคนอย่างไร งานนี้ผู้จัดสาวสวยคนดัง 'ตู่' ปิยวดี มาลีนนท์ เปิดเคล็ดไม่ลับการบริหารคน ในฐานะผู้จัดละคร หลายต่อหลายเรื่อง ให้ไปในทิศทางเดียวกันให้เราได้รู้กัน อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามีอะไรบ้าง ไปเปิดความลับจากปากคนดังกันเลย

1. การเป็นผู้จัดในกองมีอะไรที่คนภายนอกไม่รู้

ตู่ ว่ามันเป็นงานคิดอะ เราต้องทำยังไงให้ละครออกมาคือ 1. มันต้องทันสมัยคือเราผลิตเราต้องคิดล่วงหน้าเยอะมาก ถ่ายละคร 1 ปีเราถ่ายวันนี้เเต่คนดูปีหน้านะ เราต้องคิดล่วงหน้าว่าปีหน้าคนอยากดูอะไร ซึ่งมันเป็นการคาดการณ์ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ถูก แล้วมันก็เป็นงานดีไซน์ เราดีไซน์ให้มันออกมา คอมเมดี้เเค่ไหน เเค่ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ถ่ายต่างกันแล้วนะ จังหวะการเล่นของแต่ละนักเเสดงมันก็ไม่เหมือนกัน

แล้วงานของผู้จัดที่ยากอีกอย่างนึงก็คือ การทำงานกับคนมันยากอยู่แล้ว ในกองถ่ายมีคน 50-70 คน ซึ่งมาจากหลากหลายที่มา หลากหลายตำแหน่ง แล้วแบบด้วยงานละครเป็นงานศิลปะ ทุกคนจะมีองค์ของตัวเอง เราก็พยายามบาลานซ์องค์ของแต่ละคนให้สามารถไปด้วยกันได้ จุดยากคือการบริหารคนนะเเหละ ยากเพราะว่า บางคนเราพูดเเค่ 1 ครั้งก็เข้าใจ บางคนเราต้องพูดถึง 2-3 ครั้ง หรือบางคนเเค่อธิบายปากเปล่าก็เข้าใจหรือบางคนก็ต้องวาดให้ดู หรือทำให้ดู มันเเล้วเเต่ แต่เราก็เข้าใจนะว่าแต่ละคนมันก็จะมีแบบ คือเราต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน แล้วก็เข้าใจเขาว่าเขามีความสามารถแค่ไหนแล้วใช้เขาให้ถูกแล้วงานก็จะออกมา ดี เพราะจริงๆ งานละครเป็นงานที่เป็นทีมเวิร์กมากๆ เราทำคนเดียวไม่ได้

2. บรรยากาศในกองถ่ายละครตึงเครียดขนาดไหน

ที่จริงในกองถ่าย ถือว่าสนุกตลอดนะ มันก็จะมีแบบ พูดผิดบ้าง เวลาเราถ่ายมันไม่เป๊ะตามบทเรา หรือบางทีเผลอพูด ในกองชอบพูดคำผวนกัน แล้วบางทีพอเล่นกันเยอะๆ พอไปถ่ายจริงๆ ก็ติดไปพูด จริงๆ อยากให้เวลาทุกคนมากองมันสนุกสนาน พยายามเลือกนักเเสดงที่น่าจะแบบทำงานด้วยกันได้ เคมีเข้ากันได้ เพราะถ้าอย่างพระนางละครไม่เข้ากันคือจบเลยนะ เลิฟซีนไม่ต้องเล่นกันพอดี ก็พยายามหา หมายถึงเราจะเคยเจอนักเเสดงทุกคนอยู่แล้ว แล้วเรารู้ว่าคนนี้กับคนนี้ความเข้ากันมันมีไหม

3. วิธีการเลือกพระ-นางของ คุณตู่เป็นยังไง เธอบอกว่าแค่อ่านนิยายก็ติ๊งได้แล้วว่าต้องเป็นใคร

ของตู่ง่ายมากเลย ตู่อ่านนิยายเอง พออ่านนิยายภาพมันจะขึ้นมาเอง ว่ามันน่าจะเป็นคนนี้ มันได้ตามที่อยากจะได้เลย แต่ว่าแบบอย่างเดี๋ยวนี้มันก็จะยากขึ้น เพราะว่าบทออกมาช้า ไทมิ่งมันอาจะจะไม่ได้แล้ว แต่เราก็พยายามที่จะหา นักเเสดง คือนักเเสดง ในเมื่อคุณมารับบทนี้คุณก็ต้อง เเสดงได้ทุกบทอะ นักเเสดงแบบนี้ก็ค่อนข้างแบบมีความหวังเยอะมากขึ้น แล้วเขาก็มีความพยายามกันเยอะ ด้วยตลาดแข่งขันที่มันสูงเขาก็ต้องพัฒนาตัวเอง

4. วินัยในกองถ่ายที่คุณตู่เจอมาและอยากให้คงอยู่สำหรับคนที่ต้องทำงานร่วมกัน ต้องตรงต่อเวลาเท่านั้นและทุกอย่างจะรันไปได้ด้วยตัวมันเอง ตู่บอกอย่างนั้น

ความตรงต่อเวลา การที่คุณมาสายเเค่ 15 นาที หรือ 20 นาทีมันมีผลนะ อย่างเช่นเรารันคิวตัดหน้าไว้แล้ว คุณมาสาย มันจะขยับไปหมด อย่างน้อยก็คือขอให้ตรงต่อเวลา แล้วก็อีกอย่างนึงก็คือ อะไรไม่ได้ไม่เป็นไรขอให้บทได้มาก่อน แม่นบทมาก่อน ถ้าไม่แม่นบท ใจก็กังวลเรื่องบทอย่างเดียว เวลาผู้กำกับมาบรีฟว่าแบบอยากให้เล่นเพิ่มตรงนั้นเพิ่มตรงนี้ หรือบล็อกกิ้งอย่างอื่นมันบวกเข้ามา หรือว่าเเวดล้อมคนมันก็เยอะ กล้องหลายกล้อง บังกล้องกันอีก คือถ้าบทเป๊ะมาก่อน เขาจะพร้อมรับเพิ่ม ถ้าบทมันไม่เป๊ะมาปุ๊บก็ตายตั้งเเต่บทแล้วอะ อยากให้กลืนบทเข้าไปเลย

5. ปัญหาที่หนักมากที่สุดในกองที่คุณตู่เคยเจอมา บอกได้ไหมว่ามันคืออะไร และอยากแก้ไขจุดนั้นอย่างไร

พูดจริงๆ เลย ดิน ฟ้า อากาศ มันทำไรไม่ได้ คือไม่รู้จะทำยังไงกับมันเลยจริงๆ คืออย่างอื่นเรายังมีทางเเก้นะเเต่ดินฟ้าอากาศอะ มันแก้ไม่ได้จริงๆ ฝนตกคือมันไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ มันเป็นอะไรที่ยากที่สุด ที่เราจะแพลน

สุดท้ายแล้วอยากให้ฝากนิยามการเป็นผู้จัดของตัวเอง เป็นอย่างไร

ต้องเป็นผู้จัดที่เตรียมแก้ปัญหาตลอดเวลา จริงๆ เกิดแบบนักเเสดงคนนึงเกิดได้รับอุบัติเหตุขึ้น ต้องปรับเเผนทันที คือยกกองไปถึงเชียงใหม่นักเเสดงที่เป็นตัวหลัก แก้วบาด เราก็แบบไปถึงเชียงใหม่แล้วเราต้องทำยังไง คือมันต้องคิด ต้องคิดล่วงหน้า