Inside Dara
‘จ๊ะ’ ทุ่มเทเต็มที่ทุกบทบาท รัก‘เอิน’หวานด้วยความใส่ใจ

เป็นละครน้ำดีที่หลายคนชื่นชอบ สำหรับ “วัยแสบสาแหรกขาด” ที่สะท้อนปัญหาครอบครัวเด็ก ๆ ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านการบำบัดของ “ครูทรายทิพย์” รับบทโดยนางเอกสาว จ๊ะ- จิตตาภา แจ่มปฐม ด้วยกระแสที่มีแต่เสียงชม วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่พลาดชวนสาวจ๊ะมานั่งพูดคุยถึงบทบาทนี้ พร้อมเปิดใจทั้งมุมมองการทำงานและความรักกับหนุ่ม เอิน–ณิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล ผู้จัดหนุ่มไฟแรงแห่งค่าย มาสเตอร์ วัน กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ

ฟีดแบ็ก “วัยแสบสาแหรกขาด” ดีมาก รู้สึกยังไง?

“ดีใจและเซอร์ไพร้ส์เหมือนกันค่ะ เพราะไม่ใช่ละครแมส มันค่อนข้างใหม่สำหรับวงการละครไทย ตอนแรกก็ไม่มีใครคาดหวังว่าจะกระแสตอบรับดีแบบนี้ ส่วนที่นายกฯ แนะนำให้ดูหรือใครก็ตามชวนให้ดูต่อ ๆ กัน เราก็ดีใจ เพราะจ๊ะพูดได้เลยว่าทุกคนทำงานแบบสุด ๆ เพื่อให้ทุกอย่างใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดค่ะ”

ทำการบ้านยังไงก่อนที่จะมารับบทนักจิตวิทยา?

“นักจิตวิทยาเป็นบทที่ไม่ง่ายเลย ห่างไกลตัวเรามาก เราต้องไปศึกษาวิธีของนักจิตวิทยา ซึ่งนักจิตวิทยาก็คือมนุษย์ปกติ แต่ละคนมีวิธีการที่ไม่เหมือนกัน บางทีสิ่งที่แสดงออกไปนักจิตวิทยาบางคนจะมองว่าใช่เหรอ แต่อีกคนอาจ มองว่าถูกต้อง ดังนั้นไม่มีอะไรตายตัว และจะมีเรื่องท่าทางที่เหมาะสม การใช้น้ำเสียง ก่อนมารับบทนี้จ๊ะคุยกับนักจิตวิทยาของเมืองนอกจริง ๆ เขาก็บอกว่าให้ดูที่เคสคนมาบำบัดกับเราว่ามีพื้นฐานยังไง มีบุคลิกยังไง เราลงทำงาน จริง ๆ เพราะอยากรู้ว่าอะไรที่ทำได้หรือไม่ได้บ้าง เวลาเล่นจ๊ะมีความเกร็งที่ต้องคอยคิดว่าเราทำแบบนี้ได้มั้ย แต่เนื้อเรื่องบอกชัดอยู่แล้วว่าตัวทรายทิพย์ไม่ใช่นักจิตวิทยามืออาชีพ เขาอยู่ในช่วงการทำธีสิสจบปริญญาโท ที่ยังไม่เคยทำงานจริงเลย บทเขียนในแนวที่ทำผิดพลาดได้ พอเราได้มาดูคนที่ทำการบำบัดจริง ก็จะเห็นว่าเขายังมีความไม่เแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดมันถูกต้องมากน้อยแค่ไหน เลยทำให้จ๊ะสบายใจขึ้นมาหน่อยว่าเราก็เรียนรู้ไปกับตัวละครนี้ไปเลย เพราะไม่ใช่คนที่เก่งมากมาแล้วค่ะ”

ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง?

“ได้เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาเยอะมากจริง ๆ ความโชคดีคือมันทำให้จ๊ะได้โตไปกับตัวละคร ส่วนในแง่การแสดงมันเป็นบทที่ยากที่สุดในชีวิตการเป็นนักแสดงของจ๊ะเลย ยากกับการคอนโทรลตัวเอง อย่างเราเล่นดราม่าเรื่องอื่น เรารู้สึกตามตัวละคร เราร้องไห้ก็จบ แต่อันนี้คือเราต้องควบคุมตัวเองให้ได้เหมือนนักจิตวิทยา จริง ๆ จ๊ะเป็นคนร้องไห้ง่าย เวลาที่เล่นกันเด็ก ๆ จ๊ะต้องคอยควบคุมไม่ให้มีน้ำตาไหล เพราะตามคาแรกเตอร์เราไม่ควรเอาตัวเองไปผูกกับเขา ต้องบำบัดเขา เอาเรื่องเขาเข้ามาอยู่ในตัวเราไม่ได้ มันยากมากจริง ๆ ค่ะ (เน้นเสียง) ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจเด็ก ๆ มากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าเด็กที่เกิดมาแต่ละคนที่สำคัญมากคือพื้นฐานครอบครัวว่าเอาใจใส่แค่ไหนค่ะ”

ความยากของคาแรกเตอร์ “ครูทรายทิพย์” อยู่ตรงไหน?

“ความยากอยู่ที่ความพอดีค่ะ ทุกครั้งที่เข้าฉากมีความเครียดตลอด ต้องทำยังไงดีที่จะไม่เก่งจนเกินไป แต่ต้องไม่ให้ดูว่าไม่มั่นใจเลย และไดอาล็อกก็ยาวมาก คำศัพท์เทคนิคภาษาอังกฤษเยอะจริง ๆ ผิดไม่ได้เลยค่ะ ซึ่งเราต้องเข้าใจคำศัพท์เหล่านั้นจริง ๆ ก่อนถึงจะพูดออกมาได้แบบไม่คิด เพราะถ้าเราไม่เข้าใจ จำแต่ไดอาล็อกมันก็จะกลายเป็นเวลาเล่นเราก็พูดตามไดอาล็อก แต่ถ้าเราเข้าใจมันก็พูดได้ตามความรู้สึกครูทรายจริง ๆ ซึ่งเล่นเรื่องนี้จ๊ะไม่เคยมีความเครียดติดกลับบ้าน เพราะเล่นเสร็จปุ๊บเราปล่อย แต่จะเครียดตอนมากองมากกว่า เหมือนเราดูแล้วมีซีนนี้น้ำตามาแน่ ก็ต้องคอยจิกตัวเองค่ะ”

ถามถึงจุดเริ่มต้นที่คบกัน มาคบกันได้ยังไง?

“จ๊ะมาเล่นละครให้เขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนั้นต่างคนต่างมีคนของตัวเอง ไม่มีอะไรในแบบนั้น กระทั่งเขารู้ว่าเราเลิก เขาก็เริ่มเข้ามา คือจังหวะที่จ๊ะเป็นโสดเขาก็โสดพอดี เลยมานั่งคุยกัน เราใช้เวลานานและยากมาก พอกลับมาเป็นโสด เรารู้สึกว่าแบบนี้มีความสุขกว่าเยอะ ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องใครอีกคน ก็บอกตัวเองว่าไม่เอาแล้ว เราเลยต่อต้าน กันเขาทุกทาง ทุกคนด่าเราหมดว่าเอินน่าสงสารมาก ทำไมเราต้องร้ายใส่เขา จ๊ะทำทุกทางเพื่อให้เขาเลิกคิดสักที ใช้เวลาเป็นปี เขาก็อยู่ของเขาแบบนี้ จนจ๊ะยอมใจเขาเลยค่ะ คือพอเราลองเปิดดูก็จะเห็นว่าเขาโคตรใส่ใจ ทุกคนบอกว่าเขานิสัยดีมากเลยนะ แต่ตอนนั้นจ๊ะคิดว่าคนที่แล้วก็พูดแบบนี้ มีความเข็ดอยู่ (ยิ้ม) แต่พอได้เห็นตัวจริงของเขาก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องยอมใจเขาจริง ๆ เขาเริ่มทำให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ความดีเขาชนะใจเรา พอเปิดใจก็คบกันมาจนถึงวันนี้ค่ะ”

พอมาคบกับ “เอิน” บางคนจะมองว่าเราได้เป็นนางเอกค่าย มาสเตอร์ วัน เพราะเป็นแฟนกับผู้จัด รู้สึกนอยด์มั้ย?

“จริง ๆ ตอนแรกยอมรับว่ามันนอยด์นะ คิดเยอะ เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่ามันต้องมีแน่เลย ดังนั้นก็คิดกันว่าฉันไม่เล่นค่ายเธอนะ แต่สุดท้ายแล้วคนข้างนอกไม่ได้รู้กระบวนการว่านักแสดงแต่ละคนจะไปลงละครสักเรื่อง เราไม่ได้ยกมือขอว่าเราจะลงค่ายนี้ได้ มันเป็นดุลพินิจทางช่องทั้งหมด พูดตรง ๆ ละครที่เอินอยากให้จ๊ะเล่นให้ค่ายเขาตั้งแต่แรกคือ “วัยแสบฯ” ไม่ใช่เรื่อง “นางสาวทองสร้อย” เรื่องทองสร้อยฯ วางตัวคนอื่นไว้ แต่อยู่ดี ๆ ทางช่องก็โทรฯ มาให้จ๊ะเล่น จากที่คุยกันว่าไม่ทำงานด้วยกัน แต่ถ้าผู้ใหญ่เห็นว่าเราเหมาะ มันก็เป็นหน้าที่เราต้องพิสูจน์ว่าเราเข้ามาเล่นตรงนี้ได้เพราะอะไร ถ้าผู้ใหญ่มอบหมายมาแล้วก็แปลว่าเขาเห็นว่าเราทำได้ ส่วนเรื่อง “ซิงเกิ้ล มัม” ซึ่งในเรื่องเรารับบทเป็น “มู่ลี่” เล่นเป็นแม่ ตอนแรกจ๊ะก็ไม่อยู่ในรายชื่อ แต่พอช่องโทรฯ ให้ลง เราอ๋อ! ตกลงเป็นหนู จ๊ะยังงงว่าเล่นมีลูก ถึงวัยแล้วเหรอ แต่เราโอเค พอรู้ว่าได้มาลงเรื่องนี้ก็รู้สึกสำเร็จไปอีกขั้นในแง่ที่เราปล่อยวางตัวเอง มองที่บทว่ามันท้าทาย มันไม่สำคัญว่าจะต้องไปอยู่ค่ายละครไหน จ๊ะว่ามันสำคัญที่สุดคือบทที่เราได้รับมันมีอะไรให้เราเล่นได้มากน้อยแค่ไหน บทส่งตัวเราแค่ไหน จุดนี้สำคัญที่สุดที่นักแสดงต้องการ ใครก็ตามได้บทที่ดี แล้วทำมันออกมาให้ดี ก็จบค่ะ”

แปลว่าเราเป็นคนใส่ใจเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ เยอะ?

“จ๊ะอยากให้คนมองที่ผลงาน เราเน้นเรื่องนี้จริง ๆ ไม่อยากให้คนมองเรื่องส่วนตัวว่ามันเป็นเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ มันเลยมีบ้างที่แบบทำไมต้องคิดอย่างนี้ด้วย แต่ในอีกมุมเราก็เข้าใจที่เขาคิดนะ เพราะเขาไม่รู้วิธีทำงานเลยทำให้เข้าใจแบบนั้นได้ พอเรียนรู้ตรงนี้ก็เลือกที่จะปล่อยวาง พอมาถึงปัจจุบันนี้จ๊ะไม่ได้คิดอะไรแล้ว อย่างนักแสดงหลายคนก็ได้เล่นค่ายเดิม ๆ ที่คุ้นเคยกันมา ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่มันอาจเป็นเพราะในแง่ความสัมพันธ์เราเป็นรูปแบบนี้มากกว่า เลยอาจถูกพูดถึงเยอะหน่อย”

สิ่งที่ประทับใจที่สุดในตัว “เอิน” คืออะไร?

“เราประทับใจในความเป็นเขาอยู่แล้วนะ ภาพที่เรามองเขาเป็นคนดู นิ่ง ๆ ไม่เข้าใจผู้หญิง แต่เขาเป็นคนที่เซอร์ไพร้ส์เก่งมาก ทั้งที่จ๊ะระวังตัวแล้วแต่ไม่เคยจับได้เลย เรื่องเซอร์ไพร้ส์ที่อยู่ในความทรงจำคงเป็นวันเกิดจ๊ะปีที่ผ่านมา คือพอวันเกิดเพื่อน ๆ ก็ส่งมาแฮปปี้ เบิร์ธเดย์ เราก็ถามเพื่อน ๆ ว่าคืนนี้ทำอะไรกัน ทุกคนก็ไม่ว่าง เราคิดว่าเอาไว้ก่อนก็ได้ แล้วเอินก็พาเราไปกินข้าว ซึ่งเป็นโต๊ะที่นั่งกัน 2 คน ไม่ได้ทำให้จ๊ะรู้สึกอะไร สักพักเพื่อนก็ถือเค้กมาเป็นกลุ่มใหญ่ เราก็อือหือ! เป็นอย่างนี้นี่เอง (ยิ้ม) เขาจะเป็นแบบนี้เยอะ ล่าสุดจ๊ะเปิดนิตยสารก็บ่นลิปสติกสีนี้สวยจัง เราพูดกับตัวเองนะ เดี่ยวไปดูดีกว่า ปรากฏวันต่อมาเขาก็เอาลิปสติกนั้นยื่นให้เรา เราก็งงว่าไปซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเป็นคนใส่ใจ ต่อหน้าไม่พูด แต่เขาจะมองว่าเราต้องการอะไร เขาก็หามาให้”

มองเรื่องแต่งงานไว้บ้างรึยัง?

“เรื่องแต่งงานส่วนใหญ่เขาจะเป็นฝ่ายพูด ตัวจ๊ะเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย ชอบการใช้ชีวิตกับเพื่อน พอวันนี้มันเปลี่ยนไปเพราะมีเอินอยู่ในชีวิต แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าจะต้องแต่งงานเลยนะ จ๊ะชอบมีความสุขในทุกวันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่เอินไม่ เขาบอกว่าแล้วยังไง จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหรอ ตลกแล้ว แต่เราก็ไม่เห็นต้องรีบ เขาก็แย้งว่าอายุ 30 แล้วนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยที่สุด เพราะเราคิดว่าไม่เห็นต้องเอาอายุมาเป็นเกณฑ์เลย เป็นเรื่องที่จูนยากมากค่ะ (หัวเราะ)”

ก้าวสู่ปีที่ 11 ในวงการของจ๊ะวันนี้ แม้ไม่หวือหวา แต่มั่นคงและแฮปปี้ทั้งงานและความรักจริง ๆ.