Inside Dara
“อั๋น ภูวนาท” ยอมรับเมียป่องด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ เสียใจหลุดไปหนึ่งครั้ง เผยถึงความทรมานปั๊มลูกวิธีธรรมชาติ

จากชื่อเสียงอันโด่งดังในอดีตด้านผลงานเพลงทำให้ วงจันทร์ ไพโรจน์ มีงานอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในวัย 84 ปี เธอยังคงไม่หยุดออนทัวร์ กับการขึ้นเวทีคอนเสิร์ต แม้ชีวิตจะลำบาก เธอก็เดินหน้าต่อสู้ ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง แถมยังแบ่งบันให้กับผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อะไรทำให้เธอเลือกเส้นทางนี้ สตาร์เรโทรฉบับนี้จะพาไปเจาะลึกตำนานผู้หญิงแกร่ง วงจันทร์ ไพโรจน์

ความเป็นไปในปัจจุบัน

ตอนนี้ไม่มีงานประจำค่ะ ก็รอว่าใครเขาจะให้ไปร้องเพลงบ้าง แล้วก็ทำละครบ้าง ทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ บางคนอยากช่วย เขาก็ให้ไปทำอาหารบ้าง เพราะที่ผ่านมาแม่ก็เคยทำร้านอาหาร ไม่เคยลำบาก แต่ทุกอย่างไม่สมดังที่เราเคยตั้งใจไว้ เราคิดว่าเมื่อเราอายุขนาดนี้แล้วควรจะมีเงินก้อนใหญ่ๆ สักก้อนหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องให้เดือดร้อนใคร อย่างเวลานี้ที่แม่ไปร้องเพลงบ้างได้รับเชิญก็ไป พลังเสียงก็อาจจะไม่ได้ดีเท่าเมื่อก่อน เราตั้งใจว่าจะร้องให้ดี ทำให้ดี แต่มันไม่ได้ดั่งที่ใจคิดตอนนี้มีภาระที่ต้องรับผิดชอบดูแลคือคุณพ่อ หรือ สามีน่ะค่ะ ที่อายุ 82 ปี เขาไม่สบาย ป่วยอยู่ แล้วก็ลูกชายวัย 52 ปี ก็ป่วยด้วย ดูแลกันไปเรื่อยๆ ค่ะ

กำลังใจในการทำงานและใช้ชีวิต

กำลังใจจากตัวเองดีที่สุดค่ะ (หัวเราะ) แม่จะมีอยู่อย่างหนึ่งคือจะไม่ขอใคร ไม่ขอร้อง ไม่อยากจะให้ใครเดือดร้อนเพราะเรา ต้องช่วยตัวเองก่อน แล้วต้องช่วยให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใครนะคะ เพราะเราคิดว่าตัวเองต้องทำได้ ตัวเองต้องช่วยตัวให้ได้ ตลอดชีวิตมาไม่เคยขอ ต้องช่วยตัวเองให้ได้ คือแม่ก็คิดเองของแม่นะว่า ยังไงเราก็ยังทำได้นะมือเรายังดี สมองเรายังมี ขอแค่ให้คนเห็นความสำคัญว่าเรายังทำงานได้ เราจะทำให้สุดชีวิตเลย แค่มีคนเอ่ยปากชวน หรือว่าจ้างก็ทำเต็มที่ให้ทุกงานค่ะ

โอกาสจากพี่น้องพ้องเพื่อนที่หยิบยื่นให้

อย่างละครเพลงการกุศลเรื่อง “ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ...กว่าจะถึงวันนี้มอบไว้แทนคุณแผ่นดิน” ที่เพิ่งแสดงไปทางน้องดาวใจ ไพจิตร ขอให้แม่มาทำงานตรงนี้ แล้วก็มาช่วยเขียนบท ช่วยกำกับ แล้วก็มีน้องกล้วย แล้วก็ลูกคุณแจ็ค ช่วยด้วย ทุกคนมาทำงานร่วมกัน ก็จะไม่ขอเปล่าๆ ต้องมีการทำงานแลกดีกว่า เรามีความสุขกว่า ภูมิใจด้วย ถึงแม้จะเหนื่อยก็ไม่หวั่น และนอกจากนี้ก็มีอีกหลายโครงการค่ะที่รออยู่ พอจบตรงนี้ก็ต้องทำต่อๆ ก็มีทั้งละคร คอนเสิร์ต ก็จะเป็นรวมศิลปิน แล้วก็นักร้องที่เชิญมา ซึ่งเพลงแม่จะเป็นคนระบุออกไปเลยว่าเพลงไหนบ้าง บางเพลงบางท่านก็เกิดไม่ทัน ก็ต้องช่วยอธิบาย คือวางโครงของคอนเสิร์ตว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วแม่ก็ต้องขอขอบคุณประชาชน แฟนเพลงที่ยังสงสาร (หัวเราะ) รัก และคิดถึง มานั่งดูเรา ทุกครั้ง ทำไม่เคยผิดหวัง คนก็เต็มทุกรอบทุกครั้งที่ทำงาน

ถึงลำบากแต่ไม่หยุดช่วยเหลือผู้อื่น

เพราะแม่ก็ยังมีเพื่อนที่ลำบากกว่าแม่ไงคะ คนที่แย่กว่าแม่ก็ยังมี เพื่อนแม่แย่กว่าแม่ตั้งหลายคน แม่ยังออกไปร้องเพลงได้ ทำงานได้ เพื่อนแม่ที่อยู่กับบ้านแล้วทำไม่ได้ เขาแย่กว่าแม่อีก แม่ทำได้ก็ทำ แล้วเอามาแบ่งกันดีกว่า ก็ช่วยมาตลอด ตั้งแต่ทำโรงแรม เป็นเจ้าของร้านสมัยโน้น คือถ้าพูดไปก็จะคล้ายๆ ว่าอวด ว่าตัวเองช่วยคนโน้นคนนี้แต่ไม่ใช่ ก่อนจะทำงานอะไรก็แล้วแต่แม่คิดว่าแม่ทำคนเดียวไม่ได้ นอกจากจะมีเพื่อนๆ มาช่วยกันเขาก็มีส่วนมาทำให้ร้านแม่มีคนรู้จัก เกื้อหนุนกัน เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม่จะเป็นยังงี้อยู่แล้ว

ช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน

เวลาแม่ช่วยเพื่อนหรือให้อะไรเพื่อน แม่ไม่ค่อยให้ใครรู้ เวลาที่แม่มีเงินปุ๊บ ทุกครั้งที่แม่จัดคอนเสิร์ตแม่จะกันเงินไว้ทุกครั้งเลย สามหมื่นถึงห้าหมื่นบาท เพื่อนฝูงเดือดร้อนปุ๊บ แม่ก็จะมีใส่ซองให้ หรือไปเยี่ยมเพื่อน เอาไปให้ทุกครั้ง แบ่งๆ กันไป แม่อยากทำเพื่อช่วยเพื่อนแม่ที่เขาไม่ได้มีกำลัง มีหนทางแบบแม่ เพื่อนแม่บางคนก็ถูกลืมไปแล้วด้วย บางทีการที่เขาได้เงินจากเรา แล้วเราไม่พูดอะไรเลย ภูมิใจกว่าที่เราไปพูดแล้วเขามีปมด้อยก็เลยเลือกที่จะไม่พูด เวลาจะช่วยใครเราไม่ต้องพูดว่าเราจะช่วยคนโน้นคนนี้ ช่วยก็ช่วย ใจเราสำคัญสุด

ย้อนวันวาน เส้นทางจับไมค์

เข้าสู่เส้นทางดนตรีตั้งแต่อายุ 12 ปีค่ะ เป็นนาฏศิลป์ อัศวินการละคร เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามวังอัศวิน ก็เป็นนาฏศิลป์มาก่อน ตอนหลังก็เล่นละครเวที แล้วก็ประกวดร้องเพลง แล้วพอได้ปุ๊บก็เลยได้มาเป็นนักร้อง พอตอนอายุ 14-15 ก็บันทึกเพลง “กลางดง” แล้วก็เพลง “ราตรีเจ้าเอ๋ย” หลังจากนั้นก็ร้องเพลงมาตลอด จนกระทั่งดังและหันมาเริ่มทำร้านอาหาร เป็นโรงแรม ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว เพราะช่วงหนึ่งทำๆ ไปแล้วถามตัวเองว่า ถ้าเผื่อต่อไปใครทำต่อ ลูกก็ไม่ได้ทำด้วย เพราะไม่ชอบ การทำร้านอาหารแม่ก็มองแล้วว่า ทำๆ ไปแล้วก็จะถึงจุดอิ่มตัว แล้วเราก็จะเริ่มเบื่อๆ ก็หยุดไป

ชีวิตต้องสู้ตั้งแต่จำความได้

คุณพ่อแท้ๆ เสียตั้งแต่ตนเอง 10 ขวบ แม่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าคุณแม่ ส่วนคุณพ่อเลี้ยงคือน้าชายเมื่อก่อนชื่อ ดวงจันทร์ แต่คุณพ่อที่เลี้ยงมาเปลี่ยนเพื่อให้คล้องกับท่านเป็น วงจันทร์ เพราะคุณพ่อชื่อ สมวงศ์ ตอนเด็กๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้อง จนได้เป็นนักร้องสมใจ แต่คุณทวดไม่อยากให้เป็นนักร้อง เพราะเป็นห่วง ปู่ย่าตายายพ่อแม่ก็ไม่ได้สนับสนุน ต้องแอบ ต้องหนีไป แม่เองก็แอบทำเหมือนกัน ซึ่แม่ก็คิดว่าร้องเพลงไปด้วย เรียนไปด้วย หาตังค์ส่งตัวเองเรียนหนังสือ ไม่ได้เดือดร้อนใคร ความอยากที่จะมีอะไรเป็นของตัวเอง สมัยก่อนแม่ซื้อทองเป็นกระป๋องเลยนะ เงินที่ได้จากร้องเพลงก็เอาไปซื้อทอง ยังไม่รู้จักการฝากออมสิน ก็ซื้อเก็บไว้สลึงสองสลึงตอนนี้ก็เหลือบ้างนิดหน่อย (หัวเราะร่วน)

ความแข็งแกร่งที่ได้มา

คือมันฝังอยู่ในหัวใจค่ะ เราต้องทำได้น่ะ ความขยันสำคัญที่สุด ไม่ท้อแท้ จริงจัง แล้วทุกอย่างก็จะสำเร็จ มีบ่อยที่แม่เองก็ท้อแท้แต่บางครั้งทำไปแล้วก็ย้อนกลับมาทำให้เราเสียใจก็มี แต่เราก็จะไม่เก็บเอาไว้นะ ช่างมันเถอะผ่านไปๆ ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่สิบขวบ ถ้าเล่าไปก็เหมือนโม้ ตอนที่เราดังก็มีทั้งดีและไม่ดีเข้ามา ทำให้เราไขว้เขวไปบ้าง เราก็ต้องอยู่ของเราให้ได้ มีพี่น้อง4 คน ทุกคนก็ได้เรียนหนังสือหมด แต่แม่ได้เรียนน้อยกว่าเพื่อน แต่ก็ตะเกียกตะกายหาเงินเรียนเอง ตอนหลังไปเรียนภาคค่ำ สุดท้ายได้วุฒิการศึกษา ม.6

งานเพลงหล่อเลี้ยงชีวิต

ตอนแรกเคยคิดจะลาวงการเพลงเลยนะคะ ตั้งใจลาเลยล่ะ แต่ว่าก็ผิดหวัง ในลักษณะที่ว่า สมัยที่แม่เคยทำร้านอาหาร แล้วร้านของแม่ก็คนแน่นมากๆ ไม่มีโต๊ะจะนั่ง มีเป็นร้อยโต๊ะ แล้วตอนนั้นครูเพลงท่านก็เขียนเพลงมา คือตอนที่เราเจริญรุ่งเรือง ครูก็อยากให้ร้องให้ ทำเพลงมาให้ ก็ไม่มีเวลาไปร้องให้ แต่ถ้าครูเอาเพลงมา แม่ก็ซื้อไว้ตลอดนะ จนกระทั่งแม่ได้ทำรวบรวมเป็นอัลบั้มประมาณ 120 กว่าเพลง ทำ 12 อัลบั้ม แม่ซื้อตั้งแต่สามพันบาท จนกระทั่งถึงสองหมื่นบาท ซื้อไว้เยอะมากๆจนไม่รู้ว่าเอาสัญญาไปไว้ที่ไหน (หัวเราะ) ก็ซื้อกับครูเพลงทุกคน เพราะความผูกพันที่ทำให้เราก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องได้จนถึงทุกวันนี้ และที่เราทำอะไรได้ทุกวันนี้ก็เพราะชื่อเสียงจาก วงจันทร์ ไพโรจน์ เราถึงหากินได้ เราก็อยากตอบแทนบุญคุณครูไม่ว่าครูท่านไหนมา ไม่เคยปฏิเสธ รับไว้หมด เร็วช้าแล้วแต่จังหวะ

เลี้ยงลูกบุญธรรม 13 คน

เลี้ยงเพราะเราเคยขาดพ่อ ขาดแม่ เราอยากชดเชยตรงนี้ที่เราเคยพลาด ไม่เคยมีพ่อมีแม่ ก็เป็นเด็กของคนในร้านอาหาร เขามีปัญหาแม่ก็ช่วยเหลือเขา เลี้ยงจนโต ส่งเสียเรียนหนังสือ ผลที่แม่ได้รับในวันนี้คือเด็กที่แม่เลี้ยงมาส่งเสียดูแลแม่ แต่ตอนนี้ที่มาดูแลแม่ได้แบบแน่นอนชัวร์ มี 4 คน มาจากอเมริกาก็ต้องเอาตังค์มาให้ ทุกเดือนเขาจะให้แม่ เขาจะเรียกแม่ว่า พี่ ก่อนจะทำร้านอาหารมีปัญหามาก่อน บ้านอยู่ใกล้ๆ กันกับเด็กที่เขาลำบาก พ่อแม่เขาเลิกกัน ก็มีหลายคน ก็เลยคิดว่าเปิดร้านอาหารดีกว่า จุนเจือให้เขา จริงๆ ตอนนี้มีคนที่พร้อมจะรับเราไปอยู่ด้วยที่อเมริกานะคะ เตรียมตัวแล้วด้วยแต่สามีไม่สบายก่อน

ความรุ่งโรจน์เมื่ออดีต

ตอนนั้นตอบจดหมายแฟนๆ ไม่ทัน จดหมายที่ได้รับเป็นปี๊บๆ สมัยก่อนไม่ได้มีโทรศัพท์เหมือนสมัยนี้ กว่าจะได้มีเวลาตอบสักฉบับ ก็ต้องหาเวลา พอตอบไม่ทัน อ่านไม่หมด ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนั้นหาเงินมาได้ก็เก็บนะคะแต่ภาระต่างๆ ก็เยอะตามขึ้นเหมือนกัน แล้วเราไม่ดูดายกับใครทั้งสิ้น ซื้อผ้ามาตัดกระโปรงก็อยากให้เพื่อนที่ยืนคู่กันสวยเหมือนแม่ ก็จะชอบแต่งตัว ไปงานตรงนี้ก็ต้องสวยไปด้วยกัน แม่เป็นคนแบบที่ต้องคบทุกคนให้ได้ สำคัญที่สุดคือไม่หักหลังใคร ไม่โกงใคร อันนี้สำคัญมาก และทำงานอะไรต้องจริงจังอย่าเหลาะแหละ

บทบาทครูเพลง

บางเพลงก็ไม่กล้าบอกใครเขานะคะว่า วงจันทร์ ไพโรจน์ เขียนฝากเขาขาย อย่างคุณสุรพล สมบัติเจริญ ก็ไปขายให้ ชื่อเพลง “กุหลาบเวียงพิงค์” คือเราไม่อยากให้คนรู้ว่าเราแต่ง เดี๋ยวครูบาอาจารย์ไม่เขียนเพลงให้แม่ร้องทำไงล่ะ (หัวเราะร่วน) แล้วเพลงที่เราทำออกไปจะดีหรือเปล่าไม่รู้ เราแต่งแล้วจะเป็นยังไง เขียนเพลงโดยใช้ทำนองจีนมาใส่เนื้อไทย มีเพลงดังหลายเพลง แม่ก็ทำได้ทุกอย่างในวงการเพลงนะคะ

ยังเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต

คอนเสิร์ตก็ยังคงทัวร์ตลอด ขึ้นเหนือล่องใต้ไปตลอดค่ะ เดี๋ยววันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ก็แสดงที่เชียงใหม่ เวลาไปทัวร์คอนเสิร์ตจะต้องไปพบปะแฟนๆ หน้าตาก็ต้องแต่งให้ดีๆ เพราะเขาขอถ่ายรูป แต่บางครั้งก็ขอโทษที่ว่าตอนยิ้มหลังๆ เริ่มไม่ไหว (หัวเราะ) อย่างตอนนี้แฟนๆ ก็ยังคงโทรศัพท์มาหาอยู่ตลอด นานแค่ไหนก็โทร.ถามสารทุกข์สุกดิบ ก็ได้คุย บางคนก็มีส่งของมาให้ที่บ้านมีข้าว หอม กระเทียม พริก ผ้านุ่ง กะปิ ส่งมาเพียบ คือชาวบ้านที่ติดตามชมเราไม่ว่าจะภาคไหนๆ ก็ส่งมาให้ตลอดไม่ได้ขาด ไปเล่นที่จังหวัดไหน ก็จะได้ของจากแฟนๆ กลับบ้านเป็นประจำ ดีใจนะคะ เราก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้ บางคนก็มองชื่นชมเราแค่มองก็รู้ว่าเขารักเราขนาดไหน เป็นความสุขความภูมิใจ ขอบคุณแฟนเพลง บางคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ล้มหายตายจาก ก็ได้รุ่นลูกๆ เขาที่ชื่นชอบเอ็นดูเราต่อเนื่อง ช่วงนี้ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ ถามว่าจะหยุดเมื่อไหร่ก็ตอบไม่ได้นะคะคงทำไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) จนกว่าจะไม่ไหว ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าน้องๆ แต่ละคนก็ไม่ลืมเราดึงเรามาร่วมงานด้วยเสมอ ดีใจและขอบคุณน้องๆ ที่ยังคิดถึงเรา อย่างคุณดาวใจ ไพจิตร จะเรียกใครก็ได้ที่เก่งกว่าเราตั้งเยอะแยะมีความสามารถ สวย เสียงดีกว่าเรา แต่ทำไมมาเลือกเรา

ผลงานเพลงที่ตรงเรื่องราวชีวิตของตัวเองมากที่สุด

ชอบหลายเพลงที่ครูเพลงแต่งให้นะ แต่จะเป็นแนวเศร้าๆ ช่วงที่รุ่งโรจน์ก็เหนื่อยจนไม่มีเวลาพักเสียงแต่ก็สนุกสนานนะคะ เวลาไปออกงานต่างๆ ได้คุยกับคนโน้นคนนี้ พบปะเพื่อนฝูงเก่าๆ ไม่โกรธใครจริงจังเมื่อก่อนเคยมีนะ ยี่สิบปีไม่พูดด้วยเลย แล้วบอกเลยว่าไม่ต้องพูดกับเรา เจอเราลืมไปเลยว่านี่คือ วงจันทร์เราต้องเดินคนละทางเลย แล้วก็บอกเขาให้รู้ตัวตรงๆ ด้วยเจอไม่ต้องทัก จนกระทั่งแม่จัดงานคอนเสิร์ตเป็นปีที่แม่จะยกโทษให้เพื่อน เพราะแม่ชอบคนจริงใจ ชอบคนไม่ขี้โกงแม่ เพราะเราเคยเจอแต่คนเอาเปรียบมา

สุขภาพร่างกาย

เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามอายุคน 84 ปีค่ะแต่ใจยังแข็งแรงนะคะ ขึ้นคอนเสิร์ตอีกสิบรอบก็ไหวแต่ก็กะท่อนกะแท่น (หัวเราะ) อยู่ที่ท่านผู้ฟังให้กำลังใจและมีศรัทธาในตัวแม่ เราก็ยังไหว เพราะนี่คือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้เรามีแรงทำ ต้องสู้ ต้องไป ขอบใจที่ทุกคนเชื่อและมั่นใจเรา ทุกครั้งที่ไปงานไม่รู้จะขอบใจยังไงบางคนเข้ามากอด เข้ามาขอถ่ายรูป บางคนไม่เคยเห็นตัวจริงแม่ ก็ได้ยินแต่ชื่อ เพราะเมื่อก่อนไม่มีโซเชียลขนาดนี้แล้วเมื่อก่อนแม่ก็ไม่ค่อยออกไปไหนด้วย บางคนบอกฟังเพลงวงจันทร์ตลอด ไม่เคยเห็นตัวจริงเลย วันนี้จะมาร้องที่หาดใหญ่ ก็มารอเพื่อมาดูเรา มาฟังเพลง มาเจอตัวจริงเสียงจริง

แนะนำเยาวชนรุ่นใหม่

ลูกๆ หลานๆ มีความสามารถเก่งมาก สมัยแม่เด็กเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กตอนนี้ เขาเก่งเหลือเกิน เก่งมากๆเด็กไทยเก่งมากๆ สมัยก่อนที่แม่เด่น เพราะเด็กสมัยก่อนเขาไม่กล้าแสดงออก สมัยนี้เด็กสามขวบก็รู้หมดแล้วเสียงต่ำเสียงสูง เพราะฉะนั้นก็ต้องปรบมือให้กับความเก่งของลูกๆ หลานๆ แต่แม่ก็อยากจะให้แต่ละคนที่ร้องเพลงใหม่ๆ หันมาฟังเพลงเก่าบ้าง แล้วมาช่วยกันอนุรักษ์ผลงานเพลงเก่าไว้ เพราะว่าครูบาอาจารย์ที่เขียนเพลงสมัยก่อน ท่านก็ล้มหายตายจากไป ร้องเพลงใหม่สักสิบเพลง แล้วลองหันมาร้องเพลงเก่าสักเพลงหนึ่งก็ยังดี เพื่ออนุรักษ์ผลงานเพลงเก่าๆ จะได้ไม่ให้หายไป หรือใครจะร้องเพลง หรือเอาเพลงใครไปร้องไม่ว่าจะนักร้องท่านไหนก็ตาม ร้องเพลงของใครก็แล้วแต่ ต้นฉบับเขาเป็นอย่างไร อยากให้คงไว้ซึ่งต้นฉบับบางท่านเอามาเปลี่ยนไปบ้าง ก็เสียดาย แต่ก็ไม่ว่ากันค่ะ

ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็ต้องเลือกรับในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะแต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน จะทำให้ถูกใจใครไปทั้งหมดคงยาก เพราะฉะนั้นสิ่งไหนดี ขอให้รักษาอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกตกทอดที่คนรุ่นหลังจะได้ศึกษาเรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นศิลปินตัวจริงเสียงจริงอย่าง วงจันทร์ ไพโรจน์ ที่ยังครองใจแฟนเพลงมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้