Inside Dara
เปิดใจ หญิง – รฐา ในวันที่ เซย์โน โกอินเตอร์!

ยิ่งนับวันจะยิ่งได้เห็นผลงานของนักแสดงสาวมากความสามารถ หญิง - รฐา โพธิ์งาม ปรากฏอยู่บนจอยักษ์สัญชาติฮอลลีวูดอยู่บ่อยครั้ง จนอาจทำให้คิดไปว่าเธอจะเอาดีด้านโกอินเตอร์ไปซะแล้ว แต่เมื่อได้ยินความจริงจากปากของเธอ ก็ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะเส้นทางสายบนถนนสายฮอลลีวูดไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใครๆ วาดฝัน และเธอยืนยันว่าไม่โกอินเตอร์แน่นอน!

จะว่าเป็นปีทองของ นักแสดงเจ้าบทบาท “หญิง - รฐา โพธิ์งาม” หรืออีกชื่อที่คุ้นหูกันคือ ญาญาญิ๋ง เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากผลงานในประเทศไทย นักแสดงสาวคนนี้ยังมีผลงานระดับฮอลลีวูด ในเรื่อง The Mechanic Resurrection ภาค 2 ที่เข้าฉายอยู่ในเมืองไทยขณะนี้ แถมยังได้ปะทะบทบาทกับนักแสดงแถวหน้าของวงการทั้ง เจสัน สเตแธม และ เจสสิกา อัลบา

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปี ก็มีภาพยนตร์อีกเรื่องที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เธอแจ้งเกิดและเป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่าง Only got forgives ผลงานระดับนานาชาติของเธอจึงถือได้ว่าเป็นเครื่องการันตีความสามารถในการแสดงได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

“จริงๆ ต้องบอกก่อนเลยว่า การทำงานเมืองนอกมันไม่สนุกนะ”

นี่คือประโยคแรกที่หญิงเอ่ยขึ้น หลังถูกถามถึงเรื่องประสบการณ์การทำงานในต่างแดน หญิงย้ำว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เต็มไปด้วยความกดดันและกว่าจะผ่านไปแต่ละฉากแต่ละตอนนั้น ‘ไม่ง่ายเลย’

“ทุกคนอาจจะรู้สึกว่า ค่านิยมการได้โกอินเตอร์ เห้ย...มันเก๋ว่ะ เก่งว่ะ ดีว่ะ แต่พอเวลาได้ไปยืนอยู่ในสนามจริง มันเหนื่อยกว่านั้นเยอะมาก(ลากเสียงยาว) เพราะว่าปัญหาแรกแน่นอนเรื่องภาษาค่ะ ภาษาเราไม่เหมือนของเขา การทำความเข้าใจมันเลยไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างอย่างคำว่าโกรธ โกรธของเขามันมีกี่เลเวล ผู้กำกับอยากให้เราเล่นออกมาเป็นแบบไหน มันเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรค่ะ

ปัญหาอีกอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องเวลาค่ะ มันเป็นอะไรที่กดดันมาก ยิ่งถ้าเป็นนักแสดงดังๆ ระดับโลก เขามีเวลาให้กองถ่ายนี้เท่านี้ เขามีเวลาที่ประเทศนี้แค่นี้ เพราะฉะนั้นมันผิดพลาดไม่ได้ ถ้าพลาดขึ้นมาต้องกลายเป็นว่าต้องมานั่งเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินกันใหม่ ให้คนนั้นกลับก่อนให้คนนี้กลับก่อน มันมีแรงกดดันเยอะมากค่ะ

เวลาเราทำงานหน้าเซ็ต มันเป็นอะไรที่กดดันมาก บางครั้งเราฟังภาษาเขาไม่ทัน หรือแบบว่าผู้กำกับบางคนที่ติสท์มากๆ ไม่พอใจอะไรเขาก็ไม่ถ่ายต่อเลย เราก็ต้องทนแรงกดดันตรงนั้นให้ได้ค่ะ”

ส่วนเรื่องความแตกต่างระหว่างการทำงานในไทยกับต่างประเทศ เธอบอกว่า งานทุกกองมันมีความแตกต่างกันไปในเนื้องานอยู่แล้ว แม้จะเป็นงานที่ไทยเองก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นกองถ่ายไหนก็คือ ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด

“จริงๆ แล้วการทำงานในทุกกองมันไม่เหมือนกันอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้กำกับแต่ละคน ความชอบของผู้กำกับ การมองสี มองภาพ เนื้อเรื่อง เรื่องราวต่างๆ ที่ในละครหรือภาพยนตร์แต่ละเรื่องเล่าไม่เหมือนกัน แต่การทำงานกับเมืองนอกมันดีหน่อยตรงที่เวลามันค่อนข้างเป๊ะดังนั้นเนี่ยเราไม่ต้องกังวลเลยเรื่องการทำงานแบบ over load หรือการทำงานเกิน 12 ชั่วโมง ถ่ายได้แค่ไหนแค่นั้น เนื่องจากว่าได้คิวนักแสดงมาแค่นั้นค่ะ

เมืองนอกเขาจะไม่เหมือนกับบ้านเราตรงที่ บ้านเราจะแบบ...ขอยืดหน่อยนะ ขอเพิ่มตรงนี้นิดนึง อะไรแบบนี้ นั่นหมายความว่าเมื่อเราทำงานกับกองถ่ายเมืองนอก คุณต้องทำให้ได้ภายในเวลาที่เขามีจำกัด มันค่อนข้างกดดัน อย่างซีนนี้มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ซีนนี้มีเวลาแค่ 45 นาที คือสมาธิต้องมา แต่หญิงคิดว่ามันก็ดีที่ทำให้เราเป็นมืออาชีพขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนตั้งใจทำงานแหละหญิงว่า(ยิ้ม)”

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้จะเห็นว่าเธอมีผลงานฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วแบบนี้เธอจะมีสิทธิ์โกอินเตอร์เต็มตัวเลยหรือไม่ เมื่อเธอได้ยินจึงรีบตอบในทันทีว่า “หญิงไม่โกอินเตอร์แน่นอน!”

“หญิงไม่ได้เอนว่าจะต้องโกอินเตอร์ค่ะ สังเกตได้ว่างานหนังฮอลลีวูดที่หญิงเล่น ส่วนใหญ่ก็จะถ่ายทำที่เมืองไทย หญิงไม่ใช่คนที่จะต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเริ่มต้นสู้เอาอะไรที่เมืองนอก ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต หญิงว่าเป็นเพราะโอกาสมากกว่า ตอนนี้ในไทย หญิงมีทั้งละคร ภาพยนตร์ มีธุรกิจ จะให้ทิ้งหน้าที่ตรงนี้ไป แล้วไปเดินตามความฝันของตัวเองหญิงคงไม่ทำ

ตอนนี้ก็มีทางจีนติดต่อมาขอร่วมงานด้วยบ้างค่ะ แต่ปีนนี้คงยากหน่อยเพราะว่าคิวละครในไทยของหญิงปีนี้เต็มเกือบหมดแล้ว แต่ถ้ามีโอกาสดีๆ มีโอกาสที่สามารถทำงานได้ทั้งในประเทศไทยหรือแถบๆ เอเชีย ที่ไม่ต้องบินไปไกลมาก หญิงก็ยินดีค่ะ(ยิ้ม)”

พลิกบทบาทผ่านเพลงบทเพลงของ “เติ้งลี่จวิน”

แม้หญิงจะยืนยันว่าไม่โกอินเตอร์ แต่แฟนๆ ก็อย่าเสียใจที่ไม่ได้เห็นเธอโลดแล่นในระดับนานาชาติ เพราะล่าสุด เธอได้ฝากฝีมือไว้ในผลงานละครฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ ที่ได้ยกกองไปถ่ายทำถึงประเทศจีน และกำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ กับละครที่เป็นการนำผลงานเพลงของนักร้องหญิงชาวจีนระดับตำนานอย่าง “เติ้งลี่จวิน” มาถ่ายทอดผ่านละคร ในเรื่อง “เถียนมีมี่ รักเธอชั่วนิรันดร์”

“จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าตัวผู้จัดเนี่ย เขาไปได้ลิขสิทธิ์เพลงของคุณเติ้งลี่จวินมา 2 เพลงค่ะ เขาก็เลยหาเรื่องราวอะไรที่สามารถเอาเพลง 2 เพลงนี้มาใช้ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็มีความเกี่ยวเนื่องกับตัวคุณเติ้งลี่จวินด้วย เธอเป็นไอดอลให้กับใครหลายๆ คน เป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่ว่าโอ้โห..ทำไมถึงมีความสามารถ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเชียและทั่วโลกได้ขนาดนี้(น้ำเสียงแสดงออกถึงความชื่นชม)

ส่วนเรื่องของบทบาท หญิงรับบทเป็น ถิงถิง สาวไทยเชื้อสายจีนที่เกิดมาชีวิตไม่ได้มีพร้อมทุกอย่าง แม่เป็นแม่ค้าขายผักอยู่ในตลาด พ่อก็เป็นคนติดเหล้า ชอบเล่นการพนัน พ่อแม่ทะเลาะกัน มันเลยกลายเป็นปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นหญิงสาวที่มีพื้นฐานในชีวิตไม่ค่อยดี

อยู่มาวันหนึ่งได้มีโอกาสเจอกับพระเอกคือเอกภพ (ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ) ซึ่งเป็นคนมีฐานะ เรียนจบจากเซี่ยงไฮ้มามาช่วยธุรกิจที่บ้าน แล้วได้มาพบรักกับถิงถิง แต่ถูกครอบครัวฝ่ายชายกีดกัน แล้วก็มีเรื่องราวต่างๆ เข้ามา ซึ่งก็จะมีพระเอกคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด และด้วยความที่ถิงถิงเป็นคนรักการร้องเพลง และจับพลัดจับผลูมีโอกาสได้เป็นนักร้อง และมีคุณเติ้งลี่จวินเป็นไอดอล จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง แต่ในความเพอร์เฟกที่เธอได้รับ เมื่อหันกลับมามองครอบครัวก็ยังถือว่าเป็นเรี่องทุกข์อยู่ เป็นละครดรามาที่มีครบทุกรส และที่สำคัญเพลงประกอบเพราะมากค่ะ อยากให้ได้ติดตามกัน(ยิ้ม)”

สำหรับละครเรื่องนี้นั้น ได้มีโอกาสร่วมงานกับพระเอกของเรื่อง ที่เป็นทั้งนักแสดงและนักร้องขวัญใจสาวๆ หลายคนอย่าง ตู่ - ภพธร ซึ่งสาวหญิงได้เปิดเผยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมงานกัน เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 2 - 3 ปี เธอเคยได้ร่วมงานกับนักร้องหนุ่มคนนี้มาแล้ว

“ก่อนหน้านี้พี่ตู่เคย...ใช้คำว่าจ้างหญิงละกัน(หัวเราะ) จ้างหญิงไปเป็นนางเอกเอมวีค่ะ ซึ่งจริงๆ หญิงเองรู้จักทั้งตัวพี่ตู่มานานแล้ว ส่วนนุช(ภรรยาของตู่)ก็เคยอยู่แกรมมี่มาก่อนและเคยดูแลหญิงด้วย ก็รู้จักทั้งคู่อยู่แล้ว เลยร่วมงานกันได้สบายค่ะ ไม่มีปัญหา(ยิ้ม)”

กลับมาที่เรื่องของละคร “เถียนมีมี่ รักเธอชั่วนิรันดร์” ทราบมาว่าได้มีโอกาสเหินฟ้า ยกกองไปถ่ายทำกันถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้จัดการ Lite จึงอยากล้วงลึกไปถึงประสบการณ์การทำงานว่ามีความยากง่ายแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับการทำงานในบ้านเรา

“ทีมงานเราไปถ่ายทำกันที่ โรงถ่ายเหิงเตี้ยน(Hengdian World Studios)ค่ะ เป็นสตูดิโอถ่ายทำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายในเขาจำลองพระราชวังต้องห้ามเท่าขนาดจริงมาไว้ จำลองพวกปราสาทเห้งเจีย ปราสาทฤดูร้อน ฤดูหนาว อะไรพวกนั้นมาไว้ค่ะ เราก็ได้มีโอกาสไปถ่ายทำกัน

ในการถ่ายทำก็ได้มีการร่วมงานกับทีมงานชาวจีนด้วยค่ะ เพราะอุปกรณ์ต่างๆ พวกกล้องที่ใช้ถ่าย ก็จะใช้ของที่โน่นหมดเลย การทำงานกับคนจีนปัญหาที่พบก็จะเป็นเรื่องของการสื่อสารค่ะที่ค่อนข้างที่ยากหน่อย แต่ทางเราก็มีล่ามที่เป็นน้องนักศึกษาคนไทยที่เรียนอยู่ที่จีนมาช่วยค่ะ”

อีกเรื่องที่เป็นปัญหากับนักแสดงสาวสุดแซ่บคนนี้คือเรื่องอาหาร ซึ่งเธอบอกว่าอาหารที่จีนนั้น ออกไปทำทางรสจืดแทบทั้งหมด แตกต่างจากอาหารไทยที่มีครบทุกรสชาติทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไรมาก เพราะสาวหญิงแพ็กตัวช่วยจากไทยไปเต็มกระเป๋า

“พอรู้ว่าจะไปถ่ายทำที่จีน หญิงก็เลยพกพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับน้ำพริกจากที่ไทยไปด้วยค่ะ(หัวเราะ)”

และเนื่องจากละครเรื่องนี้เป็นการนำบทเพลงของนักร้องชื่อดังผู้ล่วงลับคือ เติ้งลี่จวิน มาทำเป็นบทละคร ทีมข่าวผู้จัดการ Lite จึงอยากรู้ว่า ในระหว่างการถ่ายทำ ตัวหญิงเองได้เจอเรื่องลี้ลับหรือเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่

“มีบ้างนะคะ แต่ไม่ถึงกับเรียกว่าเป็นอาถรรพ์หรอก เคยมีตอนที่กำลังร้องเพลง อัดไปแล้วแต่เสียงไม่เข้าก็มี ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมาย เพราะตอนวันแรกที่เข้าฉากก็มีรูปคุณเติ้งลี่จวินตั้งอยู่ หญิงก็ไหว้ไป ขอให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ”

สำหรับใครที่อยากติดตามชมละคร “เถียนมีมี่ รักเธอชั่วนิรันดร์” ก็สามารถติดตามดูได้ทางช่อง ทรูโฟร์ยู ดิจิตอลฟรีทีวี ช่อง 24 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.00 น. ประเดิมตอนแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559 รับรองว่าแฟนละครจะได้เต็มอิ่มกับเนื้อหาที่เข้มข้น บทเพลงอันไพเราะ รวมไปถึงฉากสุดอลังการจากสตูดิโอเหิงเตี้ยนแห่งประเทศจีนแน่นอน

ตัวของสาวหญิงเองนั้น ก็กำลังมีซิตคอมอีกเรื่องหนึ่ง ที่ตอนนี้เป็นกระแสดัง แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ กับซิตคอมสุดฮาเรื่อง “เสือ ชะนี เก้ง” ที่เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักต่างเพศกัน 3 คน คือ ตั้ม(แกงส้ม - ธนทัต),เจ๊ออย(หญิง - รฐา) และชีตาร์หรือชาตรี(ออฟ - ปองศักดิ์) มาใช้ชีวิตร่วมคอนโดเดียวกัน เรื่องราวอลเวงจึงเกิดขึ้น ซึ่งตัวของสาวหญิงเองยอมรับว่า กระแสซิตคอมเรื่องนี้แรงมากจริงๆ

“ตอนนี้ออนแอร์ไปแล้วค่ะ กระแสตอบรับค่อนข้างดีมากๆ อาจเป็นเพราะเรา 3 คน(แกงส้ม,หญิง,ออฟ) เล่นเข้าขากันตั้งแต่เล่นละครเวทีปีที่แล้วเรื่อง “วันสละโสดกับโจทย์เก่าๆ” จากความสำเร็จของละครเวทีทำให้ พี่บอย - ถกลเกียรติ เล็งเห็นและนำมาต่อยอดเป็นซิตคอมค่ะ”

สำหรับแฟนๆ ที่รอฟังผลงานเพลงของเธออยู่นั้น อดใจรอกันอีกไม่นาน เพราะตอนนี้หญิงได้เปิดเผยออกมาว่า กำลังซุ่มทำซิงเกิ้ลเดี่ยวอยู่ ส่วนความหวังที่จะให้วง 2002 ราตรีมารียูเนียนเหมือนศิลปินวงอื่นๆ อาจจะยากสักหน่อย เพราะด้วยเวลาที่ไม่สะดวกในการรวมตัว รวมถึงภาระหน้าที่ของแต่ละคน

ไม่เพียงแต่เฉพาะงานเบื้องหน้าเท่านั้น นักแสดงสาวผู้นี้ยังซุ่มทำธุรกิจส่วนตัวในรูปแบบของอาหารเสริมที่ช่วยในการดูแลรูปร่างให้ดูดี จนตอนนี้ยังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอีกหลายตัว และยังมีแพลนออกผลิตภัณฑ์ให้ครอบคุลมไปถึงเรื่องการดูแลสุขภาพที่ไม่ได้เน้นแค่การรักษารูปร่างเพียงอย่างเดียวอีกด้วย

“ธุรกิจที่ไทยตอนนี้มีอาหารเสริมที่ช่วยในการดูแลรูปร่างค่ะ ตอนนี้ได้แตกไลน์ออกมามีอยู่ 3 ตัวด้วยกัน คือหญิงต้องการที่จะทำให้เป็น product family ในปีหน้านี้เราก็จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ งไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลรูปร่างแล้ว แต่อาจจะเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพ เราต้องการทำให้เป็น Health club ของเรา เพราะตั้งแต่ทำมาภายในระยะเวลา 3 ปี ค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากความสามารถในการแสดงที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำเธอได้ก็คือ ความกตัญญูที่มีต่อคุณแม่ของเธอคือ น้อย โพธิ์งาม จนสามารถปลดหนี้ก้อนโตแทนแม่ของเธอสำเร็จให้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แถมยังซื้อบ้านและรถใหม่ให้แม่อีก จนตอนนี้เธอขึ้นแท่นเป็น ดาราสาวยอดกตัญญู ไปอีกคน

“หายเหนื่อยไปได้อีกหน่อยนึงค่ะ(ยิ้ม) ตอนนี้หญิงมีร้านอาหารเล็กๆ ที่เปิดให้คุณแม่ใกล้ๆ บ้าน ให้คุณแม่ได้มีที่เจอผู้คน ให้มีที่ทำอาหาร ได้สนุกๆ อะไรของเขาก็ว่าไป เพราะว่าแม่ก็อายุมากแล้ว”

เป็นเพราะความสามารถรอบด้านทั้งการแสดงและการร้องเพลง บวกกับความกตัญญูของเธอ ที่สำคัญคือการไม่หยุดพัฒนาตัวเองของ หญิง รฐา ทำให้ทุกวันนี้เธอมีงานทั้งไทยและเทศวิ่งเข้าชนอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าในอนาคต แฟนๆ จะได้เห็นผลงานของเธอในระดับที่สูงขึ้นต่อไป