Inside Dara
"พิ้งกี้"ส่ง"ดีนี่"เปรี้ยงคุ้มค่า19ปีบนโลกมายา

กลับมาแรงอีกครั้ง สำหรับสาวนัยน์ตาแขก "พิ้งกี้"สาวิกา ไชยเดช หลังร่ายบทนางเอกร้าย "ดีนี่" ในละคร "มารยาริษยา? ทางช่อง 5 จนชาวบ้านชาวช่องอิน อยากปาเปลือกทุเรียนใส่

บางคนบอกเพราะเธอเล่นเป็นตัวเอง บ้างก็ว่านี่แหละประสบการณ์ล้วนๆ จะเพราะอะไรยังไง ไปฟังจากปากเธอกันดีกว่า


ผลตอบรับละคร "มารยาริษยา? เป็นอย่างไร?
พิ้งกี้ - "ดีมากค่ะ คนรอดูเรื่องนี้เยอะ บวกกับกระแสตัวละครมันแรง คนก็ติดตาม แล้วละครเคยทำมาแล้ว คนดูยิ่งจับตาดูว่าภาคนี้จะเป็นอย่างไร จะเหมือนภาคเก่าหรือเปล่า แล้วเราจะเล่นดีไหม มันมีความคาดหวังมากค่ะกับเรื่องนี้

กดดันไหมที่คนคาดหวัง?
พิ้งกี้ - "ไม่ค่ะ เพราะเคยเจอเรื่องที่กดดันมากกว่านี้ มีความรู้สึกว่าเราทำเต็มที่ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรถือว่าทำดีที่สุดแล้ว เรื่องนี้กี้เป็นนางเอกหนึ่งคนที่ร้าย แต่จะร้ายคนละแบบ อย่างตัวพี่บี(น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) ที่รับบทเพียงดาว ก็จะร้ายเหมือนกัน แต่จะร้ายเปิดเผย ส่วนเรานี่แอ๊บ

"เรื่องนี้ออกอากาศคนดูเกลียดแน่ๆ กี้เล่นเองยังรู้สึกเกลียดตัวเองเลย คือตัวดีนี่ร้ายซ่อนลึก ใช้อารมณ์คนอื่นมาเป็นช่องโหว่ฆ่าเขา เรื่องนี้ตัวละครมีมิติมาก เวลาเล่นแล้วสนุกที่เราจะเล่นกับบท หรือดึงสิ่งที่เราอยากได้ในฉากมา?

"และเวลาเราเล่นไม่สามารถหลุดความเป็นสาวิกาได้เลย ทิ้งความเป็นสาวิกาไป ทุกอารมณ์ต้องเป็นดีนี่ บอกได้เลยว่าเรื่อง มารยาริษยา หินมาก ไม่ใช่เล่นผ่านๆ แล้วจบ ทุกซีนมีความสำคัญ พี่บุ๋ม(รัญญา ศิยานนท์) กำกับฯ ทุกเม็ดไม่ให้หลุด ซึ่งเรื่องนี้ทั้งเรื่องเรียกว่าไม่มีสบาย ถามพี่บีได้ พี่บีกับกี้นี่เหมือนกับว่าอารมณ์มันเค้น แค่หันหลังเราก็ต้องรู้สึกว่าเราเล่นหลังแล้ว


เรื่องนี้เจอหนักสุดตรงไหน?
พิ้งกี้ - "ตรงที่วันหนึ่งมีเราทุกซีน แล้วเป็นซีนอารมณ์มาก ทุกอย่างมารวมอยู่ในวันนั้น แล้วจะมีถ่ายแบบนี้ 5-6 วัน มีฉากอารมณ์ปะทะ มีอารมณ์อ้อนวอน อยู่ในนั้นเยอะมาก เราต้องอ่านบท ต้องเตรียมพร้อมในฉากต่อไป ห้ามกดบีบี ห้ามคุย ห้ามทำอะไรเลย ต้องคอนเซ็นเทรตอยู่กับฉาก คือเวลาถ่ายเขารับหน้าคนอื่นก็จริง แต่อารมณ์ที่เรารอคอยคำตอบ เราต้องคิดไปด้วย คือเส้นสมองนี้ปูดเลย กลับบ้านไปคุยกับแม่เลยว่าชอบนะเล่นแบบนี้ ไม่เคยเล่น
ไม่มีอารมณ์ติดกลับไปบ้านบ้างเหรอ?
พิ้งกี้ - "ไม่มีค่ะ โชคดีที่เล่นเรื่องนี้พร้อมกับเล่นหนัง จันดารา ได้เรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) ได้เรียนรู้ทักษะการแสดงที่ไม่เคยรู้ กลายเป็นว่ามีครู 2 คนในเวลาเดียวกัน ทั้งหม่อมน้อยและพี่บุ๋ม แล้วหม่อมสอนเยอะถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ หม่อมจะบอกว่าเวลาแสดง มาถึงกองไม่ต้องไปเครียด หรือคิดก่อนว่าจะเล่นยังไง พอนับ 5 4 3 2 ปุ๊บเราก็คิดว่าเราเป็นตัวนั้น มองสิ่งแวดล้อมตรงนั้น อยู่ในสถานการณ์นั้น เป็นตัวดีนี่ หรือเป็นตัวในเรื่อง จันดารา แต่พอคัตปุ๊บเราต้องทิ้งตัวนั้นไปเลย

ปิดกล้องแล้วโล่งไหม?
พิ้งกี้ - "ไม่อยากให้ปิดเลย สนุก อยากให้มีภาค 2 ทุกคนในกองรู้สึกอย่างเดียวกัน ไม่อยากให้จบ เครื่องมันยังร้อน เหมือนเราเข้าค่ายแล้วต้องจากกันร้องไห้ (หัวเราะ) ถ่ายทำอยู่ด้วยกัน 5-6 เดือน พี่หลายๆ คนกลายเป็นพี่ที่สนิทกันไปเลย เหมือนไม่อยากให้ตัวละครนี้จากกัน

หลังละครออกอากาศผู้ใหญ่ว่าอย่างไรบ้าง?
พิ้งกี้ - "เท่าที่ได้เจอผู้ใหญ่ กี้ก็ถามว่ามีอะไรแก้ไขมั้ยคะ เขาก็บอกดีแล้ว คือแค่คำว่าดีแล้วหรือพอใจแล้ว กี้ก็ดีใจแล้ว พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) พูดผ่านพี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) มาบอกว่าบทนี้ 10 ปีที่เขารอคอยคนที่จะมาเล่นได้แบบนี้ เขาพูดแค่นี้เราก็รู้แล้วว่าเราต้องพลาดไม่ได้ เขาบอกยอดเยี่ยม ต้องอย่างนี้สิ ซึ่งทำให้เรารู้สึกฮึกเหิม จะต้องทำให้ดี ไม่ให้เขาผิดหวัง คนดูดูแล้วจะต้องเกลียดเรา คือเราไม่ต้องบอกว่าอย่าเกลียดหนูนะคะ กี้ไม่พูดคำนั้นหรอก คือเกลียดหนูได้เลย หนูพร้อมใจจะให้เกลียด?

แล้วกระแสข้างนอกล่ะ?
พิ้งกี้ - ได้ยินว่าอยากตบดีนี่ค่ะ แล้วก็มีคนชอบมาบอกว่า กี้เล่นเป็นตัวจริง กี้ก็เลยบอกว่าคนเล่นละคร ถ้าเล่น 3 แบบ 3 คาแร็กเตอร์ก็ ต้องเป็นตัวนั้นเหรอ (หัวเราะ) แต่กี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร คือถ้าเขาอินแล้วเขาดู แล้วเขาเกลียด แล้วเขาจะบวกว่ากี้เป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ถือว่าเขาดูแล้วเขาเกลียด ถือว่าเราสอบผ่านแล้ว?

เล่นละครเรื่องนี้ ได้อะไรจากมันบ้าง?
พิ้งกี้ - "ได้เยอะค่ะ ได้ข้อคิดหลายอย่างจากการดูละคร จากตัวละครที่ทั้งเราและตัวอื่นๆ เล่น มันเหมือนเป็นกระจกให้เราเห็นว่า ถ้าเราทำแบบนี้จะเป็นอย่างไร ได้ทริกใหม่ๆ ในการเล่นละครที่เรารู้สึกว่าการเล่นละครเป็นอะไรที่ต้องพัฒนาขึ้น ไม่ใช่มีคนห้อมล้อมแล้วคิดว่าเล่นเก่ง มันต้องทำให้คนหลุดเข้าไปอยู่ในอารมณ์นั้น คือเราต้องทำให้มันถึงจุดนั้นให้ได้?

อยากฝากอะไรถึงคนดู?
พิ้งกี้ - "เรื่องนี้ทำขึ้นมาให้เห็นชีวิตของคน ของผู้หญิง ของคนวงการบันเทิง การอยู่รอดในสังคมยากนะ มันมีการชิงดีชิงเด่นทุกสายงานอยู่แล้ว แต่เราอยากให้คนดูดูแล้วใช้วิจารณญาณในการดูว่าอะไรควรเลียนแบบ อะไรไม่ควรเลียนแบบ ดูแล้วก็สร้างสรรค์ อย่าเครียดมาก บางคนดูแล้วจริงจังมาก เพราะนี่แค่ยังไม่ถึง 10 ตอน ยังเหลืออีก 20 ตอน ยังมีอะไรที่หนักกว่านี้อีกเยอะ ตอนนี้คนดูเขาเตรียมทุเรียนกันแล้ว อีกประมาณ 10 ตอนจะเริ่มเขวี้ยง ต่อจากนี้อารมณ์ดีนี่จะเต็มเหนี่ยว จัดหนัก แผนการสูง สุดท้ายแล้วมันจะเป็นจุดจบที่แย่ สมควรแก่เหตุและผล

คิดว่าจะมีบทแรงๆ แบบนี้มาให้เล่นอีกไหม?
พิ้งกี้ - "ไม่รู้เหมือนกัน แต่กี้ว่าบทบาทที่เล่นจะไม่ด้อยลงแล้ว มีแต่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ คือมีคนถามว่าเราเล่นบทแรงๆ อย่างนี้แล้วจะกลับไปเล่นบทเจ้าน้ำตาได้ไหม คือกี้คิดว่าเราอยากได้อะไรที่หลากหลาย ไม่อยากจำกัดตัวเองในมุมแคบๆ แต่กี้ก็ไม่ได้คิดว่าให้เล่นร้ายเราก็เล่น เล่นนางร้ายตบตีแย่งชิงแบบนั้นยังไม่ถึงเวลา มีบทอื่นมากกว่านั้นที่ให้เราเล่นอีก? "กี้อยากเป็นนักแสดง ไม่ใช่อยากเป็นแค่นางเอก เราอยากให้ผลงานทุกเรื่องที่เล่นเป็นผลงานที่เล่นแล้วน่าจดจำ มีความหมายสำหรับเรา มันหมดเวลาที่จะเล่นน้องแน้งแล้ว ผ่านมาเยอะแล้ว ประสบการณ์ทำให้เรายืนอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ ได้เรียนรู้จากหลายสิ่ง อินเดียที่เราไปเล่นมาอาจจะดูเหนื่อย แต่ปัจจุบันรู้เลยว่ามันเอามาใช้ได้ ทำให้เรามีไหวพริบปฏิภาณมากเวลาเล่น

นอกจาก "มารยาริษยา? แล้ว มีงานอะไรอีก?
พิ้งกี้ - "ที่ถ่ายทำตอนนี้มีละคร ราชินีลูกทุ่ง ช่อง 8 กับหนัง จันดารา ของหม่อมน้อยที่กี้เล่นเป็น 2 ตัว เป็น "ดารา" แม่มาริโอ้ กับ "ไฮซิน" ผู้หญิงที่มาริโอ้รักมากที่สุด ครั้งแรกที่หม่อมติดต่อ หม่อมพูดว่าพิ้งกี้เป็นรับเชิญนะ แต่เป็นรับเชิญพิเศษ กี้ก็ถามว่าพิเศษยังไง หม่อมก็บอกตัวละคร 2 ตัวเป็นตัวที่เล่นนิ่งมาก แต่เล่นยากที่สุด เก็บอารมณ์ไว้ภายในทั้งสองตัว การเล่นเงียบคือยากที่สุด เราก็โอ้โห เราต้องทำให้ได้

"การมาเล่นหนังเรื่องนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก บางคนจะบอกว่ากี้ไม่ได้เล่นบทเด่น ไม่ได้เล่นเป็นคุณบุญเลื่อง แต่กี้จะบอกว่าทุกคนที่ได้เล่นเรื่องนี้เด่นหมด หม่อมไม่มีทางเอาคนที่มีชื่อเสียงแค่มาเล่นหรอก แต่คาแร็กเตอร์ต้องใช่บทนั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นเอาใครมาเล่นก็ได้ หรือถ้าหม่อมให้กี้แค่เดินผ่าน ไม่ต้องเล่นอะไรกี้ก็เล่น นั่นเพราะทุกตัวละครของหม่อมต้องมีความหมายในหนัง


เหมือนเวลานี้กี้ได้รับงานที่หลากหลายขึ้นเยอะ?
พิ้งกี้ - "เขามองเห็นในมุมที่กี้สามารถแสดงแบบนั้นได้ ตอนนี้กี้อายุ 26 แล้ว เหลือเวลาอีกไม่เท่าไรในวงการ กี้อยู่วงการมา 19 ปี ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้รู้สึกเหนื่อยแล้ว มันเป็นการเดินทางอันยาวไกล แต่การได้รับบทอะไรที่ท้าทายถือว่าคุ้มค่ามากกับที่เหนื่อย งานแต่ละอย่างที่เข้ามาตอนนี้เป็นผลงานที่กี้ภูมิใจ อยากให้ออกมาเร็วๆ ค่ะ

ตั้งตัวเองไว้ขนาดไหนกับการทำงาน?
พิ้งกี้ - "เล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าโชคชะตาทำให้กี้ผันไปมีครอบครัว ตอนนี้มีแรงทำงานได้อยู่ก็อยากทำ เพราะถ้ากี้แต่งงานก็จะไม่รับงานแสดงแล้ว อยากเป็นแม่บ้าน อยากดูแลครอบครัว กี้ไม่ยึดติดวงการบันเทิง ถ้ามีครอบครัวก็อยากเรียนรู้อย่างอื่นในชีวิตบ้าง แต่อันนั้นคือสามีต้องดูแลกี้ได้แล้วนะ ถ้าดูแลไม่ได้กี้ก็จะอยู่วงการต่อไป (หัวเราะ) กี้อยากมีครอบครัว อยากมีลูกเยอะๆ เชื่อว่าเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่พระเจ้าสร้างมาให้ผู้หญิงคือเกิดมาเพื่อดูแลลูก ถ้าเป็นผู้หญิงเก่งจริงต้องเอาเรื่องครอบครัวเป็นหลัก ดูแลสามีและลูกได้อย่างดี

ตอนนี้มีแฟนหรือยัง?
พิ้งกี้ - "ยังไม่มีค่ะ รับสมัครเลย โสดจริงๆ สเป๊กไม่ค่อยมี แต่เชื่อแม่เป็นหลัก ตอนนี้แม่บอกว่าทำงาน เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง อย่าไปสนใจ ตอนนี้เลยสนุกกับการทำงาน ได้รับบทบาทที่เปลี่ยนแปลงต่างๆ นานา ได้ทำอะไรมากมายกว่าการที่จะมีแฟนแล้วเสียเวลาไปกับแฟนอย่างเดียว

"สาบานเลยว่าตอนนี้ไม่มีใครเข้ามาจีบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกี้ยังปิดตัวเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เปิดมีเข้ามาแน่นอน เพราะมีคนพร้อมจะเข้ามาอยู่แล้ว ประเภทที่ให้เพื่อนมาติดต่ออยากได้เบอร์ มีเยอะมาก แต่กี้จะบอกเพื่อนเสมอว่าอย่าเพิ่งนะ ตอนนี้ขออยู่คนเดียว แม่พูดอยู่คำหนึ่งว่าเป็นเพื่อนกันในวงการ น่ะดีที่สุด อยู่กันได้นาน กี้มีเพื่อนผู้ชายเยอะ บางทีเวลาเจอกันก็จะเข้าไปแตะตัว แม่จะบอกอย่าไปแตะตัวเขาสิ เดี๋ยวแฟนเขาเข้าใจผิด บางคนเขาไม่เข้าใจไงว่าเป็นเพื่อนกัน

เคยเกเรไม่เชื่อแม่บ้างไหม?
พิ้งกี้ - "ไม่นะ อาจจะมีบางเรื่องที่เข้ามาเหมือนเป็นโชคชะตา "หนูเปล่านา เขามาเอง" (ร้องเพลง) กี้อยู่ของกี้แต่เข้ามาเอง กี้ไม่เคยแหกกฎ ทำทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบ

วางอนาคตไว้ยังไง?
พิ้งกี้ - "จริงๆ อนาคตมองไม่เห็นหรอก แต่กำหนดได้ด้วยวันนี้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วตั้งจิตกำหนดว่าอยากได้อะไร เช่น ถ้าอยากได้แฟนเป็นแบบ "บารัก โอบามา" ก็ต้องบอกตัวเองอยากได้ผู้ชายแบบนี้นะ คิดๆๆ ทุกวัน แล้วเหมือนเป็นพลังดึงดูด เดี๋ยวมันก็มีผู้ชายแบบ "โอบามา" เข้ามาเองแหละ

ใครจะเอาเคล็ดลับอย่างนี้ไปใช้บ้าง ก็ไม่ว่ากัน