Inside Dara
อนาคต The Mask Singer หรือจะอวสานแค่ซีซันที่ 3 !!??

ต้องยอมรับว่าในซีซันแรกนั้น รายการนี้คือผังรายการที่พีคที่สุดในช่วงไพรม์ไทม์ของวันพฤหัสบดี เรียกว่าเอาชนะละครหลังข่าวที่ครองความนิยมมาหลายปีดีดัก กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการบันเทิงบ้านเรา และยังผลให้ช่องเวิร์คพอยท์ลอยลำขึ้นมาเป็นช่องทีวีอันดับ 2 ของประเทศได้เพียงชั่วพริบตาเดียว แม้จะยังคงเป็นรองช่อง 7 แต่การที่สามารถเอาชนะช่อง 3 ขึ้นมาได้นั้น ก็ต้องนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากจริงๆ

โดยเฉพาะแมทซ์ชิงแชมป์ระหว่าง “หน้ากากทุเรียน” กับ “หน้ากากจิงโจ้” ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 23 มีนาคมนั้น เร็ตติ้งเฉลี่ยพุ่งขึ้นไปถึง 13.71 นอกจากจะชนะละครของช่องอื่นแบบมองไม่เห็นฝุ่นแล้ว ยังชนะการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเซีย ระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งออกอากาศนั้นเหลื่อมกันเพียงเล็กน้อย ทว่าได้เร็ตติ้งเพียงแค่ 10.386 ทั้งที่ถือเป็นแมทช์สำคัญที่คนไทยตั้งตาชม

และไม่เพียงเฉพาะเร็ตติ้งของคนดูผ่านทีวีเท่านั้น ปรากฏการณ์ The Mask Singer ยังทวีความรุนแรงในโลกโซเชียล วัดผลจากคนที่รับชมผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เพิ่มมากขึ้นตามความเข้มข้นของรอบการแข่งขัน โดยเฉลี่ยมีคนดูผ่านออนไลน์สูงถึง 10 ล้านคน รับชมผ่านวิดีโอ 3.5 ล้าน แชร์และแสดงความเห็น 1.2 ล้านคน ดูผ่าน YouTube 653,228 คน และดูสด 116,371 คน ขณะที่ยอดทวิตเตอร์ ติดอันดับ 1 ทวิตเตอร์ในไทยในช่วงตั้งแต่รายการยังไม่ออกอากาศ และไปจบที่ติดเทรนด์ที่ 2 ของโลกในช่วงปลายซีซัน

อีกทั้งอานิสงส์ผลบุญ ยังส่งให้นักร้องหลายต่อหลายคน กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะ ”เป๊ก-ผลิตโชค” ซึ่งที่ผ่านมาแทบจะเป็นศิลปินที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ไม่เคยสนใจไยดี แต่กลับมาโด่งดังแบบสุดโต่งภายใต้หน้ากากจิงโจ้ ที่แม้จะไม่ได้เป็นแชมป์ประจำซีซัน แต่ก็ถือว่าเปรี้ยงที่สุด งานพรีเซ็นเตอร์ไหลมาเทมาไม่ขาดสาย ไหนจะเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตเดี่ยวอีก ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมา แม้จะเป็นแขกรับเชิญบนเวทีของคนอื่นยังแทบไม่มีโอกาส

ความสำเร็จแบบพลิกหน้าประวิศาสตร์ของซีซันแรก ยังทำให้เวิร์คพอยท์สามารถอัปราคาขายโฆษณาเพื่อรองรับซีซัน 2 สูงขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว แถมยังปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

แต่โลกก็ไมได้ปูด้วยพรมกุหลาบเสมอไป ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ทุกช่องทางไว้ในซีนซันแรก พอซีซัน 2 สถานการณ์กลับพล็กล็อกแบบถล่มทลาย

จากเร็ตติ้งที่เคยพุ่งสูงถึง 13.71 กลับลดฮวบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกว่าตลอดทั้งซีซัน เร็ตติ้งไม่เคยแตะเลข 2 หลักเลยด้วยซ้ำ โดยวันแรกที่ออกอากาศ 6 เมษายน เร็ตติ้งอยู่ที่ 8.2 แล้วก็ลดต่ำลงๆ เรื่อย กระทั่งดิ่งสุดอยู่ที่ 5.9 ทั้งที่เป็นช่วงปลายของการแข่งขัน 3 เทปสุดท้ายก่อนจะถึงรอบตัดเชือกแล้วด้วยซ้ำ

แม้กระทั่งในแมทซ์ชิงแชมป์จริงๆ ผู้คนก็ไมได้ลุ้นตัวโก่ง เหมือนเมื่อคราวซีซันแรกที่ลุ้นกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าภายใต้หน้ากากทุเรียนคือใคร ? แต่ภายใต้หน้ากากซูโม่ในซีซันที่ 2 นี้ กลับแทบไม่ถูกพูดถึง ไม่แม้กระทั่งจดจ่อรอคอยวันที่หน้ากากถูกเปิด อาจจะรู้อยู่แล้วด้วยซ้ำว่าเป็นใคร โดยไม่ต้องรอเฉลย

เกิดอะไรขึ้นกับ The Mask Singer !!!????

ทั้งที่ในความเป็นจริง ซีซันนี้ ได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ ตรงที่มีฐานคนดูอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมาเสาะแสวงหาใหม่ แต่เหตุที่กระแสมันช่างสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ก็เป็นไปได้ว่า ถ้าเทียบกับตอนซีซันแรก การลุ้นเสียงร้องภายใต้หน้ากาก คือของใหม่สำหรับคนไทย ที่ต้องบอกว่าถูกจริตเป็นที่สุด เพราะคือการตอบสนองความอยากรู้ อยากเห็น ซึ่งเป็นวิสัยพื้นฐานของคนไทย อะไรที่ถูกปิด คนยิ่งอยากเปิด

พอมาถึงซีซัน 2 ทุกอย่างเหมือนเดิม กฎ กติกาแบบเดิม รูปแบบการแข่งขันแบบเดิม ภายใต้หน้ากากก็เดาได้ง่ายขึ้น ความสนุก ความลุ้น ความน่าติดตาม เรียกว่าหายไปกว่าครึ่ง ไม่ต้องดูตัวเลขเร็ตติ้งก็ได้ เอาแค่กระแสการพูดถึงในสื่อโซเชียลทั้งหลายแหล่ก็วัดได้แล้ว อะไรที่เคยใหม่ ก็กลายเป็นเก่า อะไรที่เคยฉีก ก็กลายเป็นซ้ำ อะไรที่เคยลุ้น ก็ไม่เหลืออะไรให้ลุ้น อะไรก็ตามที่เล่นกับกระแส ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เมื่อมาเร็ว ก็ไปเร็วเหมือนกัน

จริงๆ คนดูอาจจะไม่ได้เบื่อ ถ้าไม่มีของใหม่อย่างอื่นเข้ามาเป็นตัวแปร แต่ความเป็นจริงก็คือในโลกดิจิตอล ความบันเทิงมีอยู่รอบตัว และเปลี่ยนไปแทบจะทุกวินาที คอนเทนต์ทุกอย่าง ต้องใหม่ สด และทันกระแส

ขนาดละครที่เคยเป็นเสาหลักของช่วงเวลาไพรม์ไทม์มาช้านาน ยังโดนสอยจนร่วง เพราะคนดูเริ่มเอียนกับการรีเมกซ้ำไปซ้ำมา ก็เลยเลือกที่จะหันไปเสพความบันเทิงรูปแบบอื่น ที่มีให้เลือกมากมาย วันนี้ The Mask Singer เดินทางมาถึงจุดที่ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อกอบกู้กระแสให้กลับมาในซีซันหน้า

เพราะถ้าทุกอย่างยังคงดิ่งลงเหว เร็ตติ้งร่วงต่ำหนักกว่าเดิม ก็มีความเป็นไปได้ว่า อนาคตของรายการ อาจถึงกาลอวสานเพียงแค่ซีซันที่ 3