Inside Dara
“โย” ปล่อยโฮ! ไม่เคยโกงเงิน “บี” แฉอีกฝ่ายแค่หุ้นลมแต่ได้ส่วนแบ่ง

“โย ยศวดี” ปล่อยโฮ! เคลียร์ปมแตกหัก “บี น้ำทิพย์” ยันไม่เคยโกงเงิน แถมใจดีให้บีเป็นหุ้นลมแต่ได้ส่วนแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ เผยอยากเคลียร์ให้จบอย่างสันติไม่จองล้างจองผลาญกัน ลั่นตัดความสัมพันธ์อีกฝ่ายไม่ขาด ส่วนตนอึดอัดที่ต้องร่วมงานกับบี ประกาศแฟชั่นวีกล่าสุดอาจเป็นงานชิ้นสุดท้าย โต้ปล่อยข่าวบีกระโดดถีบ “ฮิม อิสริยะ” กลางผับ อุบตอบธุรกิจพังเพราะฮิมแทรกกลางธุรกิจ

จัดงานเปิดตัวธุรกิจใหม่ “เพาเวอร์ ฟิต บาย โย” อย่างยิ่งใหญ่อลังการ สำหรับ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” โดยงานนี้สิ่งที่ผู้สื่อข่าวจับตามองเห็นจะเป็นประเด็นร้อนกับเพื่อนร่วมโลกอย่าง “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ที่โยได้ประกาศว่าพร้อมเคลียร์และเปิดใจถึงปัญหาทุกอย่างที่ทำให้ทั้งคู่แตกหัก กลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด โดยโยประกาศว่าไม่เคยโกรธแค้นบี แม้อีกฝ่ายจะออกมาพูดรุนแรง และทิ้งปมปริศนาให้ทุกคนสงสัยว่าตนโกงเงิน จนโดนเพื่อนนางแบบตั้งคำถามใส่ตนทุกครั้งที่ไปทำงาน ยันทุกอย่างจะไม่ลุกลามใหญ่โต ถ้าบีเปิดใจรับฟังตนบ้าง พร้อมยันว่าไม่เคยโกงเงินบี อีกทั้งบียังเป็นแค่หุ้นลมในธุรกิจ พ้อหากไม่ชวนอีกฝ่ายทำธุรกิจด้วยกัน วันนี้คงไม่เกิดปัญหา

“ต้องบอกว่าธุรกิจเพาเวอร์ ฟิต บาย โย มีการพูดคุยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนต้นปีก็มีการพูดคุยมาเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าการเริ่มงานมันจะมาคู่หรือมาเดี่ยว หรือว่ายังอยู่ภายใต้บริษัทเดิมไหม แต่ก็ยังทำงานมาตลอดเพราะต้องใช้เวลาเรื่องขออย.นาน จนมาท้ายที่สุดเดือนกันยายนรู้แล้วว่าต้องทำคนเดียว เลยเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเลย และดันผลิตภัณฑ์นี้ออกมา จริงๆ ธุรกิจตัวนี้ยอมรับว่าเคยคุยกับบี (น้ำทิพย์) ว่าจะทำด้วยกัน คุยกันตั้งแต่ตอนที่ทำอาหารเพื่อสุขภาพ แล้วธุรกิจอาหารมันมีช่วงพีกและช่วงดาวน์ มาปีนี้มันดาวน์เยอะมากเพราะมีคู่แข่งเยอะ เลยคิดว่าน่าจะมีตัวอื่นมาซัปพอร์ต ตอนนั้นเขาก็บอกว่าน่าสนใจอยากทำ แต่คราวนี้มาติดปัญหาที่ว่าเขาเริ่มเปลี่ยนใจไม่อยากทำไม่อยากลงทุน โยเลยบอกว่าโอเค แต่ต้องบอกว่าตั้งแต่ชวนเขามาทำธุรกิจไม่เคยให้เขาลงทุนนะคะ แล้วธุรกิจนี้ที่ชวนเขาทำร่วมกันอีกครั้งก็คิดว่าเตรียมจะลงทุนให้”

“ก่อนอื่นต้องบอกว่าที่มายืนสัมภาษณ์ตรงนี้ไม่ได้ต้องการหักล้างใดๆ และมีเจตนาที่ดีเสมอว่าเขาเป็นน้อง ทุกวันนี้ก็ยังรักเขาไม่ว่าเขาจะพูดมาอะไรก็ตาม แต่โยแค่จะมาพูดในเรื่องจริง จะไม่ไปทำร้ายหรือทำลายอะไรเขาเลย ธุรกิจโยบีตอนที่เรียกมาคุยโยตัดสินใจที่จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยชวนบีมาร่วมทำ ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว่าตัวเขาเองไม่ได้ลงทุนใดๆ เลย แม้กระทั่งมาจนถึงวันนี้ที่เปิดธุรกิจมา 20 เดือน บีก็ยังไม่ได้เคยลงทุน ช่วงที่มาดร็อปเรื่องธุรกิจอาหารน่าจะเป็นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ช่วงนั้นก็มีการพูดคุยว่าถ้ามันไม่ไหวจะทำยังไง สำหรับโยถือว่าเรามีซัปพลายเออร์ คนที่ทำธุรกิจแล้วมีซัปพลายเออร์จะรู้ว่ามันเติบโตลำบากมาก นอกจากวันหนึ่งจะเปิดครัวเอง ก็มานั่งคุยกันและรู้ว่าเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่จริงๆ ตอนนั้นประมาณเดือนสิงหาคมโยเลยตัดสินใจที่จะปิดธุรกิจในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งบีก็เห็นชอบด้วย”

“บีจะทำหน้าที่ทางสื่อในการช่วยโปรโมตโดยการใช้ภาพลักษณ์ของการเป็นนักแสดง เวลาบีติดงานก็จะไม่ได้มาทำงาน โยจะเป็นคนทำงาน เอาง่ายๆ เหมือนกับหน้าบ้านคนหนึ่ง หลังครัวคนหนึ่งเพราะเรามีออฟฟิศด้วย ธุรกิจโยบีมีลูกน้องเกือบ 20 ชีวิตก็ต้องมีคนเข้าไปบริหาร ซึ่งการตกลง ณ เวลานั้นคือบีมอบหมายทุกอย่างให้โยเป็นคนบริหาร การถือหุ้นโยบีจริงๆ มี 3 หุ้น คือโย บี และพี่เอ(อัญชลี) แต่สัดส่วนในการแบ่งผลกำไรที่ให้บีคือเขาได้รับ 50 เปอร์เซ็นต์เต็มๆ โดยที่โยเป็นคนแบ่งในส่วนแบ่งของโยให้กับพี่เอ แต่ตัวพี่เอมาทำหน้าที่เหมือนเอ็มดีในบริษัทเขาจึงมีเงินเดือนของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่ได้ปันสัดส่วนอะไรให้เขามาก”