Inside Dara
เกิดในไทยไม่มีอนาคต!? เจาะกระบวนการ “ทัวร์คุณแม่” บุกคลอดอเมริกาแลก “กรีนการ์ด”

คุณภาพชีวิตดีแน่ ถ้าคลอดลูกที่อเมริกา!? ความฝันของ “คุณแม่นานาชาติ” หวังให้ลูกได้รับสิทธิ์สัญชาติอเมริกัน จนเกิดกระบวนการ “รับจ้างพาไปคลอด” แลกเงินหลักแสน ใช้ช่องโหว่ของประเทศมหาอำนาจ หากินได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

“คลอดลูกเอาสัญชาติ” หวังสิทธิประโยชน์เพียบ!?

ไม่อยากให้ลูกเกิดในไทย!! นี่คงเป็นเหตุผลสำหรับคุณแม่ตั้งท้องหลายรายที่ต้องการบินลัดฟ้า เพื่อพาชีวิตของ “เด็กเกิดใหม่” ไปได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ หรือที่คุ้นเคยกันในธุรกิจ “การท่องเที่ยวเพื่อคลอดบุตร” (Birth Tourism) ซึ่งสามารถได้รับประโยชน์จากรัฐที่คลอดบุตร เช่น สิทธิการอยู่อาศัย รัฐสวัสดิการด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล ฯลฯ

อย่างเรื่องราวของ หมอแอร์ พ.ต.ท. พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล แพทย์ประจำกลุ่มจิตเวชและยาเสพติด อดีตรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่โพสต์ผ่านแฟนเพจ “หมอแอร์” เชิญชวนให้บุคคลที่ตั้งท้องเดินทางไปคลอดที่ “สหรัฐอเมริกา” ประเทศเป้าหมายที่ชาวเอเชียมีความต้องการพาลูกไปคลอด เพื่ออนาคตและโอกาสที่ดี

โดยโครงการ “Have my baby in Miami” สำหรับคุณแม่นานาชาติ (International maternity) ของเอกชนที่หมอแอร์เข้าร่วมนั้น ยังเป็นโครงการที่คอยอำนวยความสะดวกให้คุณแม่จากทั่วโลกสามารถเดินทางมาคลอดที่สหรัฐอเมริกาได้ และเด็กที่เกิดบนแผ่นดินอเมริกา ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นคนสัญชาติใดก็สามารถได้รับสัญชาติอเมริกันได้

ไม่เพียงเท่านี้ ทางโครงการยังมีการให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายในเรื่องต่างๆ เช่น การยื่นขอเอกสาร คาดว่าเป็นสูติบัตรภายหลังจากที่เด็กเกิด การซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการคลอดบุตร และบ้านที่จะใช้เป็นที่พักฟื้นของแม่และเด็ก

ดังนั้น คุณแม่นานาชาติจะต้องมีการวางแผนตั้งแต่รู้ว่าท้อง ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการเดินทางไปคลอด โดยค่าคลอดลูกในอเมริกาเริ่มต้นตั้งแต่ 6,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 190,000-636,000 บาท แม้ว่าราคาดังกล่าวจะสูง แต่พ่อแม่ของเด็กหลายคนกลับมองว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้รับจากการถือสัญชาตินั้น

ส่วนค่าใช้จ่ายโครงการจะอยู่ที่ 10,000-50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มจากประเทศจีนก่อนเลย ผู้ตั้งธุรกิจนี้ขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ ไนจีเรีย ตุรกี รัสเซีย บราซิล และเม็กซิโก

สำหรับโปรแกรมทัวร์ ชวนมาคลอดลูกที่ “อเมริกา” ลูกออกปุ๊บได้สัญชาติอเมริกาทันที เป็นสิ่งที่บรรดาผู้ปกครองเห็นถึงอนาคตที่ดีของลูกอย่างชัดเจน โดยทางเพจเฟซบุ๊ก “Aussy Education Group - AEG เรียนต่อออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และดูไบ” ก็ได้โพสต์ข้อความ แยกให้เห็นถึงข้อดีที่ทำให้ชาวเอเชียจำนวนมากมีความต้องการพาลูกไปคลอดที่อเมริกา ดังนี้

1.เด็กสามารถเดินทางกลับมายังอเมริกาเมื่อไรก็ได้เมื่อเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะกลับมาศึกษาหรือทำงาน และยังสามารถได้รับสวัสดิการต่างๆ เหมือนที่เด็กอเมริกันได้รับ คือการเรียนฟรีในชั้นประถมและมัธยมศึกษา การรับเงินช่วยเหลือจากรัฐ ตลอดจนการรับทุนการศึกษา

2. สามารถทำงานที่กันไว้สำหรับพลเมืองสหรัฐฯ ได้ เช่น งานของรัฐบาล

3.มีหนังสือเดินทางของสหรัฐฯ ทำให้เดินทางไปประเทศส่วนใหญ่ได้ง่ายโดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือขอวีซ่าที่จุดผ่านแดนได้เลย

4. เมื่ออายุครบ 21 ปี ผู้ที่เกิดในอเมริกาจะสามารถขอใบรับรองการอยู่อาศัยถาวรในสหรัฐฯ หรือกรีนการ์ด ให้กับพ่อแม่ของตนได้ ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญสู่ความฝันแบบอเมริกัน หรือ “American Dream” สำหรับหลายๆ คน

ขณะที่รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการบัญญัติว่าประชาชนทุกคนที่เกิด หรือแปลงสัญชาติในสหรัฐฯ และอยู่ภายใต้ขอบเขตทางกฏหมายของสหรัฐฯ ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ มีสิทธิ์ถือหนังสือเดินทางชาวอเมริกันที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้

ในขณะที่สถิติจากศูนย์ศึกษาคนเข้าเมือง มีการประเมินว่าจะมีหญิงต่างชาติเดินทางเข้ามาคลอดลูกในอเมริกาเกือบ 40,000 คน ต่อปีเพื่อหวังได้สัญชาติอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังเคยประกาศนโยบายมาตั้งแต่ตอนหาเสียงว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว จะแก้ไขกฏหมายยกเลิกสิทธินี้ เพื่อควบคุมจำนวนผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย รวมถึงอุดช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดธุรกิจทัวร์คลอดลูก แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกกฏหมายแต่อย่างใด

ดรามา “คลอดลูกต่างประเทศ” ผิดหรือถูกกันแน่!?

เมื่อการเดินทางไปคลอดลูกของหมอแอร์ในสหรัฐฯ ถูกเผยแพร่ในสังคมไปแล้ว ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกใจคนไทยในประเทศสหรัฐฯ จึงมีการตั้งแคมเปญล่ารายชื่อบนเว็บไซต์ www.petitions.whitehouse.gov เพื่อแจ้งทำเนียบขาวและขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เอาผิดกับหมอแอร์ กรณีเชิญชวนผู้ที่สนใจให้มาคลอดลูกในสหรัฐฯ

ทว่าด้านโซเชียลฯ ก็ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่า พร้อมตั้งคำถามว่าหมอแอร์เดินทางมาด้วยวีซ่าอะไรกันแน่ หากเป็นวีซ่าท่องเที่ยว แต่จงใจมาคลอดก็ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งยังมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่มาเชิญชวนเช่นนี้

“อยากจะรู้ว่าหมอมาอเมริกาด้วยวีซ่าอะไร ถ้าท่องเที่ยวแล้วจงใจเข้ามาคลอดนี่ก็ผิดวัตถุประสงค์ของวีซ่าเต็มๆ น่าจะโดนยกเลิกวีซ่าด้วยนะ”

“เรื่องนี้มันเสี่ยงที่จะเป็นประเด็นอยู่แล้วเพราะหมอแอร์รับราชการเป็นตำรวจ ซึ่งมีภาพลักษณ์ว่าจะต้องรักประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่พอมีทางเลือก ก็ขอให้ลูกได้สัญชาติอเมริกาหรือประเทศที่พัฒนาแล้วดีกว่า ถ้าเราเป็นหมอแอร์ เราคงทำแบบเงียบๆ แต่เราคิดว่า agency ที่ให้บริการ Birth tourism น่าจะขอให้ลูกค้าช่วยโปรโมท เช่น ถ้าลูกค้าโปรโมทผ่าน social media ก็จะได้รับส่วนลดค่าบริการ อะไรแบบนี้

เราลองเข้าไปดูใน #havemybabyinmiami คือมีชาวต่างชาติอย่างหมอแอร์มาใช้บริการของ agency นี้หลายคนเลย พอลองเข้าไปดูในเว็บไซต์จะเห็นว่าบริษัทร่วมมือกับ Mercy Hospital เรื่องการคลอดลูก แล้วก็เหมือนมีทีมทนายที่จะให้คำปรึกษาเรื่องการขอวีซ่าเข้าอเมริกาของคุณแม่ต่างชาติ และขั้นตอนเอกสารการขอใบเกิด ขอสัญชาติ ทำพาสปอร์ต”

“เรื่องอาศัยช่องโหว่ของกฏหมาย ยิ่งเรียนสูงจะยิ่งเห็น การศึกษาไม่ได้เป็นเครื่องมือชี้วัดว่าเขาจะเป็นคนที่ดีแค่ไหน การโพสต์ ก็คือการอวด กลายเป็นชี้โพรงให้กระรอก และเผลอๆ อาจใช้เป็นช่องทางหากินกันได้ หากประเทศปลายทางมีมาตรการ หญิงตั้งครรภ์ต่างชาติ ห้ามเข้าประเทศ งานจะเข้าประเทศไทยได้ จริงๆ ก็คือเรื่องที่ดี ที่มีข่าวนี้ออกมา ทั้งสองประเทศจะได้หาวิธีป้องกัน”

ทางด้าน ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ หรือ ทนายหัวใจเพชร อธิบายในเชิงเข้าข้างหมอแอร์ผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ” ว่าการคลอดลูกที่สหรัฐอเมริกา ไม่ผิดกฎหมาย และเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จะคลอดที่ไหนก็ได้

“หมอแอร์ผิดอะไร...? (รัฐธรรมนูญคุ้มครอง) มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน

นอกจากนี้ หมอแอร์ เป็นคนไทยมีสิทธิ์ที่จะไปคลอดบุตรที่สหรัฐอเมริกาผมว่าหมอแอร์กับบุตรชายผิดตรงไหนมาตรา 28 บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย

ประการสำคัญ หมอแอร์ ไม่ได้ละเมิดสิทธิและเสรีภาพคนอื่นตามมาตรา 50 พรบ.สัญชาติ พ.ศ.2508 บุตรหมอแอร์ได้สัญชาติไทยตามมาตรา7(1) มารดาเป็นคนสัญชาติไทยไม่ว่าเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย”

ทั้งนี้ การพาบุตรไปคลอดที่สหรัฐอเมริกาไม่มีกฏหมายมาตราใดแห่งพรบ.สัญชาติ พ.ศ.2508 และที่ปรับปรุงแก้ไขใหม่ห้ามมิให้หมอแอร์ไปคลอดบุตรได้และอันเป็นเหตุทำให้หมอแอร์ต้องถูกถอนสัญชาติตามความในมามาตรา 16 แต่กฏหมายไทยให้อิสระคนไทยที่จะสละสัญชาติไทยได้ตามความในมาตรา22

“ผมมองว่าการกระทำของหมอแอร์ไม่ใช่การกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะบุตรที่เกิดมาได้สัญชาติไทยและสัญชาติสหรัฐอเมริกาก็เช่นเดียวกันกับกฏหมายไทยที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกสัญชาติอื่นได้สัญชาติไทยเช่นเดียวกันตามหลักการการได้ซึ่งสัญชาติไทยอันเป็นหลักสากลที่พึ่งปฎิบัติต่อกันของประชากรโลก

สรุป หมอแอร์ ไม่มีความผิดใดและไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าการกระทำของหมอเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ อันเป็นเหตุทำให้ต้องถูกเนรเทศหรือถูกถอนสัญชาติแต่อย่างใดและเป็นสิทธิและเสรีภาพซึ่งบุคคลไทยพึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”