Inside Dara
‘เชอรี่’ แฮปปี้กับชีวิตเรียบง่าย ไม่ยึดติดคำว่า‘นางเอก’

ถ้าถามถึงนางเอกที่แฟน ๆ ถามหาผลงานบ่อย ๆ หลายคนต้องตอบทันทีว่าคือนางเอกสาว “เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ” เพราะเธอห่างหายจากงานละครไปนานถึง 3 ปี กระทั่งมีผลงานล่าสุด “มาเฟียเลือดมังกร ตอนกระทิง” ทางช่อง 3 ประกบคู่พระเอก “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีสมการรอคอยของแฟน ๆ จริง ๆ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยนัดแนะสาวเชอรี่มานั่งคุยสบาย ๆ ในฐานะอัพเดทชีวิตช่วงเวลาที่ไม่มีผลงานนั้นมีเรื่องราวที่น่าสนใจยังไงบ้าง และไม่พลาดถามถึงความรักที่ลงตัวกว่า 9 ปี กับ “คุณเสริมสิน สมะลาภา” มองไกลถึงเรื่องแต่งงานบ้างหรือยัง จะเป็นอย่างไรบ้างติดตามกันเลยค่า

เรียกว่าหายไปจากงานละครถึง 3 ปีเลยทีเดียว?

“ใช่ค่ะ (ยิ้ม) เกือบ ๆ 3 ปีเลย แอบเขินเหมือนกันนะที่ไม่ได้รับละครมานานขนาดนี้ เรื่องล่าสุดที่เล่นไปนี่ 2 ปีแล้ว จนมารับเล่นเรื่อง มาเฟียเลือดมังกร ตอนกระทิง นี่คาบเกี่ยวปีที่สองพอดี นับรวมเวลาการถ่ายทำด้วยเกือบ 3 ปีทีเดียวค่ะ”

อย่างนี้ทำไมตัดสินใจรับเล่นละคร “มาเฟียเลือดมังกร ตอนกระทิง” ล่ะ?

“ละคร 3 เรื่องสุดท้ายที่เล่นเป็นคอมเมดี้หมด เรื่องต่อไปอยากเล่นดราม่า พี่แดงติดต่อนานมาก เราก็ยังปฏิเสธเพราะยังไม่อยากรับงานเลย จนพี่แดงบอกให้ลองอ่านบทดี ๆ จนรู้สึกท้าทายจัง อยากเล่น เพราะเรื่องนี้การซ้อนทับของคาแรกเตอร์มันสนุกมาก ทั้งเป็นจันทร์ชมพู และ ย่าหยา อยู่ในโรงน้ำชาก็เป็นสาวใส ๆ ไม่ให้คนจับได้ว่าเรามีฝีมือ ความรักก็ซับซ้อน เรียกว่าต้องทำการบ้านให้ละเอียด ซึ่งพี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ช่วยเราเยอะมากค่ะ”

แต่ปรากฏว่ากระแสดีมาก ๆ คนพูดถึงเยอะ คุ้มกับที่รอการกลับมาเล่นละคร?

“ใช่ค่ะ คนลืมเชอรี่ไปแล้วด้วยนะ (หัวเราะ) เราดีใจมากที่ไปไหนคนพูดว่าชอบละครกัน แค่นี้แหละพอเลย เราตั้งใจทำงานแล้วคนมองเห็น มันเป็นความยากสำหรับคนที่ตั้งใจทำอะไรมาก ๆ แต่การเล่นละครต้องดึงให้อยู่ระหว่างความตั้งใจและเป็นธรรมชาติ พอคนชอบก็แฮปปี้แล้ว ไปไหนคนเรียก “ย่าหยา” กับ “จันทร์ชมพู” ทั้งที่เราไม่คาดหวังเลยก็ปลื้มใจแทนพี่อ๊อฟ พี่แดง และคนเขียนบทที่ทำให้คนดูชอบได้ค่ะ”

แล้วจริง ๆ เชอรี่หายไปไหน คนก็สงสัยและถามถึงบ่อย ๆ เหมือนกันนะ?

“เป็นเรื่องปกติของเชอรี่เลย เวลาไม่มีงานก็จะใช้ชีวิตปกติ เพราะงานหลักของเราคือการเล่นละคร งานอื่นก็ไม่ค่อยรับ คนก็จะ เอ๊ะ! แล้วหายไปไหน แต่จริง ๆ อยู่แถวนี้แหละ ใช้ชีวิตปกติ แต่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีได้ทำอะไรหลายอย่างให้ตัวเองเลยค่ะ ก่อนเบรกงานเชอรี่เล่นละคร 3 เรื่องต่อกัน เหนื่อย เพลีย หมดพลังมากขอหยุดก่อน ไปใช้ชีวิตของตัวเอง เดินทาง ท่องเที่ยว ออกกำลังกาย หลัง ๆ ไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ”

ภาพของเชอรี่ดูเป็นสาวมั่น ไม่น่าเชื่อว่าชอบการปฏิบัติธรรมเลย?

“ใช่ค่ะ บางคนบอกเรามีความทุกข์เหรอ ไม่เลย เชอรี่ค้นพบว่าการไปวัดปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่มีค่ามากในชีวิต เราก็ไม่อยากลงมือปฏิบัติตอนอายุเยอะ ๆ ซึ่งมันไม่ง่ายนะคะ ต้องใช้แรง ทั้งเดินจงกรม ฝึกสมาธิ แต่โดยพื้นฐานเชอรี่ไม่ชอบความวุ่นวายอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ทำงาน ก็ไม่ชอบที่อึกทึก ทำให้เวลาเราไปปฏิบัติธรรมเลยปรับตัวง่ายมาก มีความสุขจริง ๆ ถ้ารอตอนแก่อาจจะทำได้ไม่มากเท่าตอนนี้ค่ะ”

สิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติธรรมในแบบของเรามีอะไรบ้าง?

“ไม่ใช่คนอินด้านปฏิบัติธรรมใด ๆ เลย พอคุณแม่เสียตอนอายุ 21 ปี ก็เข้าวัดทำบุญบ่อยก็เริ่มรู้สึกชอบ แล้วตอนอายุ 28 ปี เพื่อนป่วยเป็นมะเร็งสมอง คุณแม่เขาอยากให้ไปปฏิบัติธรรม เราก็สมัครไปกับเพื่อน พอวันจะไปเพื่อนทรุดไปไม่ได้ เราก็บอกคุณแม่เขาไม่เป็นไรค่ะหนูจะไปทำให้เอง ทั้งหนัก เหนื่อย แต่อดทนจนผ่านไปได้และเข้าใจว่าความสุขที่เจอ คือความสุขจากคนรอบตัว แต่ไม่ใช่ความสุขจริง ๆ ที่เกิดจากสมาธิ หลัง ๆ เลยไปวัดเรื่อย ๆ สิ่งที่ได้รับคือปัญญา เข้าใจความไม่เที่ยง กลับมานิสัยเราก็ดีขึ้น แต่ก่อนเอาแต่ใจ ใจร้อน ตอนนี้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น เข้าใจตัวเอง พิจารณาความโกรธก่อน สุดท้ายควบคุมมันได้”

จริง ๆ อาชีพนักแสดงคือสิ่งที่ฝันอยากทำตั้งแต่เด็ก ๆ หรือเปล่า?

“ไม่เลยค่ะ (หัวเราะ) ไม่เคยคิดอยากเป็นนักแสดงอะไรเลย อยากเป็นสถาปนิก ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ “โปลิศจับขโมย” ค่ายยูม่า เป็นความไม่ตั้งใจ แต่แอบสนุกนะ เพราะเป็นคนตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด แต่ตอนนั้นเล่นแข็งเป็นปลาทูในเข่งมาก (หัวเราะ) ย้อนกลับไปดูยังขำอยู่เลย เพราะผู้กำกับไม่เคยดุเรื่องการแสดง จนหลัง ๆ โดนว่า ก็งงเราทำไม่ได้เหรอ ค้างคาใจอยากเล่นให้ดี จึงค่อย ๆ เรียนรู้สังเกต จนปีที่ 5-6 ถึงเริ่มรู้สึกว่ารักการแสดง รักและมีความสุขที่ได้เปลี่ยนบทบาทในแต่ละเรื่อง จนไปบอก อายุ-ยุวดี ไทยหิรัญ ว่าหนูรักการแสดงนะคะ (ยิ้ม)”

มาตรฐานรับงานของเชอรี่ล่ะเป็นยังไง?

“ไม่มีมาตรฐานเป๊ะ ใช้ใจอย่างเดียว อ่านบทแล้วอยากเล่นจังแบบนี้มากกว่า บางทีมีบทดี ๆ แต่เรารู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับเราจะไม่ฝืน เรารู้ดีที่สุดว่าศักยภาพเราไปถึงหรือเปล่า แม้ผู้ใหญ่จะอยากให้เราเล่นแค่ไหน อยากตามใจทุกคนแหละ แต่เมื่อผลงานออกไป เราคือคนรับหน้า ถ้าเราไม่เชื่อในบท หรือไม่สบายใจที่จะทำ คงไม่สามารถพางานไปถึงจุดที่ดีที่สุดได้เหมือนกันค่ะ”

เคยเจอคำวิจารณ์แรง ๆ จนท้อมั้ย?

“เริ่มโดนวิจารณ์ฝีมือการแสดงมีมาตั้งแต่เล่นละครแรก ๆ อยู่แล้วว่าเล่นแข็ง เสียงแหลม ตอนนี้ก็เบาลงมาตามวัย แต่ไม่ได้รู้สึกท้อเลย ทุกคำวิจารณ์มีความหมายเป็นกระจกสะท้อนเรา ดีที่มีคนดูช่วยเรานอกจากเราจะนั่งจับผิดตัวเองเท่านั้น ก็เอามาเป็นบทเรียนให้ปรับปรุงให้ดีขึ้น”

เรียนรู้ชีวิตในวงการบันเทิง 19 ปีของเราเป็นยังไงบ้าง?

“เราเข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี วงการนี้สอนเราเยอะมาก ทำให้เราเป็นคนนิสัยดีขึ้นด้วยเมื่อร่วมงานกับคนเยอะแยะ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา สอนระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ข้อดีมีเยอะแยะไปหมด แต่ข้อเสียก็มีเยอะเหมือนกัน เช่น ถ้าเราหลงระเริงไปกับอะไรที่ทุกคนหยิบยื่นให้ ง่าย ๆ หากไม่คอยสังเกตตัวเองคงแย่ เพราะมีทั้งสิ่งดีและไม่ดีวิ่งเข้าหาเราเหมือนกัน ฉะนั้นยืนอยู่ตรงนี้อย่างมีสติดีที่สุดค่ะ”

ภาพเราที่คนมองเชอรี่ดูเป็นดาราที่เข้าถึงยาก?

“เข้าวงการแรก ๆ คนจะบอกว่าหยิ่ง เพราะเป็นคนพูดน้อย หน้านิ่ง ถ้าเมื่อก่อนไม่รู้จักเราก็ไม่คุย หน้าดุ คนก็คิดว่าหยิ่งแน่ ๆ ถ้าเขาจะว่าก็ไม่เป็นไร เพราะเขาไม่รู้จักเรา ทั้งที่เชอรี่เป็นคนคุยเก่ง ถ้าถูกคอก็ยาวมาก แล้วไม่ค่อยเล่นโซเชียล อื่น ๆ ไม่ออกอีเวนต์ แฟน ๆ ก็เจอยาก จนมาเล่นไอจีเพราะเกรงใจแฟน ๆ นี่แหละค่ะ (ยิ้ม)”

เป็นดาราที่ไม่เคยมีข่าวด้านลบเลย?

“อาจเพราะนิสัยเราสอดคล้องกับการไม่ชอบจะเป็นข่าวพอดีด้วย การใช้ชีวิตนะ แค่ทำอะไรที่เราสบายใจ ไม่เดือดร้อนคนอื่น จริงใจกับทุกสิ่งที่ทำ ไม่ใช่ต่อหน้าเป็นแบบนี้ ลับหลังเป็นอีกอย่าง เชื่อว่าสุดท้ายความจริงจะปรากฏ เชอรี่ชอบชีวิตที่ไม่หวือหวา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เราอย่ามองแค่ทำงานหนักเพื่อเงินและชื่อเสียงแค่นั้น แต่เราให้ค่าสิ่งเหล่านี้เพื่อทำงานให้ดีจนเรามีคุณค่า หาจุดตรงกลางให้เจอชีวิตก็จะมีความสุขค่ะ”

ไม่เคยรู้สึกว่าเราคือนางเอกเบอร์ต้น ๆ ของวงการ?

“ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองดัง ไม่ได้อยากให้ใครเรียกว่าดารา อาชีพนักแสดงในมุมมองเราเหมือนอาชีพอื่น จบงานเราก็คือคนธรรมดา ไม่ต้องดูแลเราตลอดเวลา เลยไม่มีคาดหวังหรือทะเยอทะยาน แค่เป็นคนพยายามที่จะทำงานให้ออกมาดีที่สุดมากกว่า ขนาดเด็ก ๆ ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนสวยอะไรเลย ให้เราเป็นเชียร์ลีดเดอร์ก็ไม่เอาเลย ไปอยู่วงโยฯ ตัวดำปี๋ ผมไม่เคยหวี ครีมไม่ทา ไปเล่นละครกลับบ้านมานอนเลยลืมล้างหน้า (หัวเราะ) มาสนใจดูแลตัวเองตอนเป็นสาวนี่แหละค่ะ”

มองกลับมาดูภาพรวมวงการบันเทิงในมุมของเรา?

“วงการเปลี่ยนไปเยอะ มีทั้งดีและไม่น่ารัก คนที่ปรับตัวได้ก็จะอยู่ต่อยาว ๆ ใครไม่ปรับตัวก็อาจหายไป ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็นเราก็ได้ตามธรรมดาของโลก อย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแต่ก่อนเรามองโลกแง่บวกไป เจอคนบางคนปฏิสัมพันธ์ไม่ดีก็เสียใจ ตอนนี้โตขึ้นมองอะไรกลาง ๆ ไม่บวกหรือลบจนเกินไป เวลาเจออะไรมากระทบจะได้ไม่คิดมากหรือเสียใจมากค่ะ”

มองว่าตอนนี้ชีวิตเชอรี่แฮปปี้แค่ไหน?

“แฮปปี้มาก ไม่ใช่ไม่มีความทุกข์ในชีวิตเลยนะคะ แต่เราสามารถรับมือกับสิ่งที่เข้ามาได้ดี เราทำงานตั้งแต่เด็กไม่ค่อยได้ใช้เวลาชีวิตกับตัวเองและครอบครัว ตอนนี้ก็ให้เวลาทั้งเพื่อน ครอบครัว คนรักเต็มที่ ไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป อยากทำอะไรก็ทำ ที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น และเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เป็นอิสระจากกรอบที่คนเราต้องทำงานหนัก ๆ เพื่อหาเงินอย่างเดียว เลือกทำในสิ่งที่เราสบายใจจะดีกว่าค่ะ”

เรื่องความรักกับคุณเสริมสินตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“เรื่องแต่งงานยังไม่คิดเลยค่ะ เรายังสนุกกับการใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง แต่ถึงเวลาที่รู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตคู่จริงจังเป็นครอบครัวก็จะมีงานแน่นอนแต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้เนอะ บางคนสงสัยเรามีแฟนจริงมั้ยเพราะไม่เคยเห็น (หัวเราะ) คือจะบอกว่าเชอรี่มีแฟนนะคะ นานมาแล้วที่มีปาปารัซซีถ่ายรูปได้ด้วย แต่เพราะเราสองคนชอบความเป็นส่วนตัว แต่ใช้ชีวิตปกติไปกินข้าว ดูหนังเหมือนคู่อื่น ๆ ทั่วไปค่ะ”

อยากรู้เพราะอะไรคุณเสริมสินถึงชนะใจเราได้?

“ประทับใจความเป็นตัวของตัวเองของพี่เขา เราเจอกันครั้งแรกจากการไปทำงานด้วยกัน แต่ก็่ไม่ได้คุยกันเลยนะคะ (ยิ้ม) วันนึงเขาโทรฯมาปรึกษาเรื่องงาน ก็ไม่คิดว่าเขาจะจีบอะไรหรอก ก็คุยได้ไม่คิดอะไรมาก แต่ก็คิดนะ เอ๊ะ! ทำไมโทรฯมาหาเราบ่อย ๆ ยังไงแน่ ปกติคนที่โทรฯมาหาเราต้องพยายามจะดี อวย ๆ เราหน่อย ซึ่งเราไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลย แต่พี่เขาเป็นตัวของตัวเองไม่ได้พยายามเกินไป เป็นคนมีความคิด เก่ง ฉลาด และมองโลกในแง่ดีเลยประทับใจ พอมาตกลงคบกันก็ยังคงสม่ำเสมอ คือ จริงใจ หวังดีกับเราจริง ๆ ซึ่งหายากในยุคนี้ ถึงอายุห่างกัน 12 ปีก็ไม่ใช่อุปสรรคเลยค่ะ (ยิ้ม)”

คบกันมาปีนี้ 9 ปีแล้ว มีอะไรต้องปรับตัวอีกมั้ย?

“ยังต้องปรับตัวเรื่อย ๆ นะ คนเราความคิดเปลี่ยนไปได้ตลอด เราต่างเป็นตัวของตัวเองทั้งคู่ แต่มองชีวิตคล้ายกัน ถึงมีบางอย่างที่คิดไม่เหมือนกันบ้าง ก็เอาความต่างมาเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน มันก็กลายเป็นความลงตัว จริง ๆ เราค่อนข้างตัวติดกันนะไปไหนมาไหนกันสบาย ๆ แต่ไม่ค่อยถ่ายรูปคู่ลงโชว์ที่ไหน คนเลยไม่ค่อยได้เห็น แต่เป็นแบบนี้ก็แฮปปี้ ที่เราสามารถมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างโดยไม่ต้องมีคนมาโฟกัสมากมายค่ะ”

สุดท้ายเชอรี่อยากฝากอะไรถึงคนที่รักและติดตามผลงานเรามาตลอดบ้าง?

“รู้สึกดีทุกครั้ง ไม่ว่าคนที่เคยเจอ ตามให้กำลังใจเรา หรือคอมเมนต์ ตามโซเชียลมีเดียก็ตาม อยากจะบอกว่าเขาอาจไม่รู้ว่าเชอรี่ติดตามอ่านนะสิ่งที่พูดถึงเรา อ่านข้อความบางทีน้ำตารื้นเลยนะ ทั้งที่เราไม่ได้มีงานให้เห็นตลอดเวลา ซาบซึ้งใจที่เขารู้สึกรักเรามันมีความหมายมาก เป็นพลังที่ทำให้เรายืนหยัดอยู่่ตรงนี้ และจะตั้งใจทำทุกผลงานออกมาให้ชมอย่างดีที่สุดนะคะ (ยิ้ม)”

จากการพูดคุยกับ “เชอรี่” ในวันนี้ เราได้เห็นความคิด มุมมอง การใช้ชีวิตในวงการได้พอดีและมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในวังวนของข่าวแรง ๆ เราจึงไม่แปลกใจว่าทุกครั้งที่กลับมามีละคร แฟน ๆ ก็รักและติดตามสาวสวยคนนี้ไปตลอดนั่นเองค่า.