Inside Dara
ฟังชัดๆ โอ-มน เปิดใจ หลังมีดราม่า ทอม ไม่ต่อสัญญา ยุบวง

กลายเป็นปมดราม่าก่อนหน้านี้หลังจากที่ค่ายเลิฟอีสส่งจดหมายชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่านักร้องหนุ่ม ทอม อิศรา กิจนิตย์ชีว์ ไม่ต่อสัญญากับทางค่าย และยุบวง Room39 (รูม 39) ที่ประกอบด้วยหนุ่มทอม และ 2 นักร้องดัง โอ โอฬาร ชูใจ หรือ โอ แว่นใหญ่ และ มน ชุติมน วิจิตรทฤษฎี จนเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งฝ่ายหนุ่มทอมเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่าตนอยากก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน พร้อมทั้งบอกว่ารู้สึกเสียดาย และยืนยันว่าตนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมากกว่าเรื่องวงด้วย

ได้พูดคุยกับ โอ-มน ถึงเรื่องนี้ หลังจากทั้งคู่มาโปรโมตซิงเกิลเพลงล่าสุด “เจ็บจนพอ” และ “ถ้าไม่เจอเธอ” ภายใต้สังกัด Holyfox (โฮลี่ฟ็อกซ์) ในเครือ LOVEiS (เลิฟอีส) ที่ นสพ.ไทยรัฐ งานนี้ทั้งคู่จึงได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวแบบเต็มๆ

โอ แว่นใหญ่ และมน ชุติมน

ถามถึงเรื่องวง Room39 ที่วันนี้ไม่มีแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร?

โอ “สำหรับผม สาเหตุแล้วแต่คนจะคิดมากกว่า จริงๆ ทุกคนมีสาเหตุของตัวเองแหละ ดังนั้นสาเหตุจะพูดอะไรก็ได้ครับ เพราะเหตุผลของแต่ละคนก็คือเหตุผลของตัวเอง ดังนั้นสำหรับผมมันก็คงไม่ได้สำคัญเท่ากับว่าเราจะทำอะไรต่อกันมากกว่า จริงๆ คนจะรู้ไปมันก็ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า ดังนั้นมันตอบไม่ได้จริงๆ สาเหตุของใครก็แล้วแต่ว่าใครจะต้องการเอาเหตุผลไหนมาเป็นคำตอบ ดังนั้นอยากให้โฟกัสที่สิ่งที่จะทำต่อไปมากกว่า”

มน “เอาตามที่ค่ายแถลงการณ์ออกมา เพราะมนก็ไม่รู้ค่ะ ก็คือตามที่ได้รับการบอกมาจากผู้ใหญ่ มนก็ทำตามตามนั้นค่ะ”

ทอมให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยากก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน รู้สึกยังไง?

โอ “ก็ดีสำหรับทอมนะครับ อย่างที่เขาบอกว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นมันดีเสมอ” ดังนั้นสิ่งที่ทอมคิดมันดีสำหรับทอมเองด้วย สำหรับพวกเราทุกคน ไม่ว่าใครตั้งใจอยากทำอะไรมันก็เป็นสิ่งที่ดี สำหรับเราเองก็ออกจากคอมฟอร์ตโซนเหมือนกัน โหวงเหวงมั้ยก็โหวงเหวง ตื่นเต้นมั้ยกับการเป็นศิลปินหน้าใหม่ก็ตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกว่าเราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำนะครับ ผมไม่เคยรู้สึกว่าในทุกๆ ก้าวที่เดิน ถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เราจะไม่ผิดหวัง รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหายอะไรกับใครเลยในการตัดสินใจที่ทุกคนทำสิ่งที่ทำอยู่”

มน “ก็ได้แต่สนับสนุนในการตัดสินใจและก็ขออวยพรให้โชคดีดีกว่าค่ะ ทุกคนเลยที่เริ่มต้นใหม่”

โอ “ใช่ๆ ผมคิดว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเรา ทอม หรือมน ทุกคนต้องการกำลังใจ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งใหม่ ดังนั้นอยากให้ทุกคนเอาใจช่วยมากกว่าที่จะมานั่งหาว่าอะไรยังไงหรือดราม่า จริงๆ ผมไม่ชอบดราม่า ดังนั้นอะไรที่จะนำพาสู่ความดราม่าไม่ยุ่งเลย ทำงานให้ออกมาดี สุดท้ายเราไม่ได้อยู่ได้เพราะดราม่า เราอยู่ได้เพราะผลงาน ก็ขอทำงานก่อนดีกว่า”

ทอมได้มีพูดคุยก่อนที่จะตัดสินใจมั้ย?

โอ “จริงๆ มันไม่ได้มีการพูดคุยแบบเป็นทางการอะไร แต่สำหรับผมเนี่ยถามว่าเราคิดมั้ยว่าจะมาถึงจุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ผมว่าทุกวงในประเทศไทยก็เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งใหม่เลย สำหรับเรื่องที่เกิดกับวงเรา ก็เคยเกิดขึ้นกับทุกวงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นสำหรับผมมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย พลิกผันชีวิตอะไรแบบนั้น ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ปกติ ผมอาจจะเป็นคนที่ชินกับการมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิต เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์ ดังนั้นเราไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เจอความเปลี่ยนแปลง ผมตอบธรรมะเกินไปรึเปล่าไม่รู้ (หัวเราะ) แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา อะไรก็เกิดขึ้นได้”

มน “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปค่ะ”

ตอนที่ Room39 ยุบวงใหม่ๆ ก็มีดราม่าจับผิดเยอะมาก?

โอ “คือจะบอกว่ามั่วก็เยอะ จริงก็มีบ้าง แต่เอาจริงๆ สำหรับผมไม่ได้มีประโยชน์กับใครเลย สุดท้ายอย่างที่บอกว่ามันสนุกคนอื่นนะ แต่สุดท้ายมันไม่ได้พาใครไปไหนหรอก ไม่ได้ก่อให้เกิดผลงานดีๆ ได้เลย ไม่ได้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่ดี เป็นคลื่นรบกวนการทำงานด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม มันกลายเป็นเรื่องที่กังวลว่าเอ๊ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น จะทำอะไรก็กลายเป็นมีคนตั้งคำถามว่าเอ๊ะ พิมพ์อย่างนี้แปลว่าอะไร กลายเป็นว่าเราทำอะไรก็ไม่ได้”

มน “ทุกอย่างเกี่ยวไปหมด”

โอ “ใช่ จริงๆ สำหรับผม ถ้าคุณเป็นแฟนใครก็ให้กำลังใจ เอาใจช่วยเขา ถ้าคุณไม่ใช่แฟนใครก็ไม่เป็นไร ก็เดินหน้าทำหน้าที่ตัวเองกันต่อไปแค่นั้นเอง มันเหนื่อยเนอะ ผมถึงบอกว่าดราม่าเป็นเครื่องฉุดรั้งเราจากความคิดสร้างสรรค์ มันไม่ได้สำคัญหรอกนะว่าสุดท้ายจะแยกกันหรือไม่แยกยังไง มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วต้องคิดว่าทำอะไรต่อไปดี สมมติบ้านไฟไหม้ คุณก็ต้องรีบเอาตัวเองออกจากบ้านก่อนแล้วค่อยมาหาสาเหตุทีหลัง ทำสิ่งที่คุณต้องทำก่อน ถ้าเรามานั่งโฟกัสอยู่กับสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้อะไร”

มีเรื่องอะไรที่เราอยากเคลียร์มั้ยว่าไม่จริง?

โอ “มันมีเยอะนะ แต่สำหรับผมน่ะ ถ้าคนเขาไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ ถ้าคนอยากจะเชื่อเขาก็เชื่อ ดังนั้นผมอยู่เฉยๆ ดีกว่า ให้เขาเชื่ออย่างที่เขาอยากจะเชื่อ คนไหนเขาไม่เชื่อ เขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี ต่อให้เราให้เหตุผลอะไรไปเขาก็เชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่อ ดังนั้นโลกมันเป็นแบบนี้ และผมเข้าใจโลกว่ามนุษย์เราพร้อมจะเชื่อในสิ่งที่อยากจะเชื่อ”

มน “เขาเลือกที่จะเชื่อค่ะ”

โอ “ใช่ ดังนั้นผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะถ้าเขาเชื่อแล้วก็ปล่อยเขา สุดท้ายตัวเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร การที่เรามานั่งแคร์กับสิ่งเหล่านี้อย่างที่บอกว่าเราก็ทำอะไรไม่ได้ คุณจะทำงาน จะเดินหน้า เอาแรงบันดาลใจมาทำงานศิลปะได้ คุณมัวแต่สนใจกับสิ่งรอบข้าง ถ้าเรายังใส่ใจกับเรื่องไร้สาระ เราไม่สามารถทำสิ่งที่มีสาระได้”

โอ แว่นใหญ่

ทอมก็บอกว่าเสียดายที่ไม่มี Room39 แล้ว แต่เขาก็บอกว่าเขาให้ความสำคัญเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องมีวงหรือไม่มีวง?

โอ “จริงๆ ผมมองว่าที่ทอมพูดคือมันเป็นมุมมองที่ทอมคิด ซึ่งผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไรนะ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทอมคิดเช่นนั้น ผมเห็นด้วยถ้าเขาคิดแบบนั้น อย่างที่บอกหน้าที่ของเราก็คือเอาใจช่วยกัน ถึงแม้จะไม่เหมือนเดิม สุดท้ายทุกคนก็ต้องทำงาน เดินหน้ารับผิดชอบสิ่งต่างๆ ที่มี ต้องเดินหน้าต่อไป ทุกคนต้องการพื้นที่ ไม่ใช่ว่าทำอะไรก็โดนโจมตี สิ่งเหล่านี้มันไม่เอื้อให้เกิดสิ่งดีๆ อะไรเลยครับ”

ทอมเองก็โดนกระแสวิจารณ์เยอะมาก อยากบอกหรือให้กำลังใจเขามั้ย?

โอ “สำหรับผมมองว่าคนน่ะอย่างที่ผมบอกว่าก็โดนวิจารณ์หมดแหละ ดังนั้นก็อยากบอกทุกคนนะไม่ใช่แค่ทอมคนเดียวว่าเราทำสิ่งที่เราคิดว่าดีและเหมาะสมกับสถานการณ์ของเรา ดังนั้นเหตุผลของเราคุณอาจจะมองไม่เห็นหรือตัดสินไม่เหมือนกัน ก็คงไม่มีใครเข้าใจ ดังนั้นเราอย่าคาดหวังกับความเข้าใจจากทุกคนบนโลก เราแค่รู้ว่าสิ่งไหนดีด้วยตัวเองก็ทำให้ดีที่สุดในทุกๆ สิ่งที่เราทำอยู่ครับ”

มน “เอาเป็นว่าเรามีแต่ความหวังดีให้แก่กันแล้วตอนนี้ ต่างคนต่างก็มีชีวิตใหม่ ทางเดินใหม่ แล้วก็มีหน้าที่ใหม่ๆ ทั้งส่วนตัวและงานทุกอย่าง มันจะหวังให้เป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ในแชปเตอร์ใหม่ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำอะไรขอให้ออกมาดีแล้วกันนะคะ”

โอ “คนอาจจะคิดว่ามีดราม่า แต่จริงๆ แล้วผมถามว่าเวลาเห็นคนตกทุกข์ได้ยากเราก็ยังอยากจะช่วยใช่มั้ย ประสาอะไรกับคนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมานาน มันจะไม่มีความหวังดี ไม่มีความห่วงใยกัน มันเป็นไปไม่ได้หรอก ดังนั้นเรามีแต่ความหวังดี เพราะไม่อยากให้เกิดสิ่งไม่ดีกับใครก็ตามที่รู้จักหรือเรารัก ยิ่งคนที่อยู่ด้วยกันมานานด้วย ก็ขอให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดี ส่วนคนที่คิดว่าจะต้องหาประเด็นหามุมอะไร ผมว่าโฟกัสที่ผลงานดีกว่า ผมว่าตรงนี้มันจะช่วยให้เรารู้สึกว่าการทำงานมันสมูทขึ้น”

มน ชุติมน

ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร?

โอ “ผมจะบอกว่าถ้าจะบอกว่ามีปัญหาก็มองให้มีปัญหาก็ได้ อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรก แล้วแต่คนจะมองว่ายังไง แต่สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว เรื่องสำคัญสำหรับทุกคนตอนนี้คือการทำงานและเดินหน้าต่อไป พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เอาจริงๆ ดราม่าสำหรับผมก็คือดราม่า มันไม่มีอะไรนอกจากการรบกวนจิตใจซึ่งกันและกัน วันดีคืนดีมีคนพิมพ์โน่นพิมพ์นี่ดราม่ามา สิ่งที่ผมทำคือหลีกเลี่ยง ขอทำงานแล้วกันเนอะ ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ ช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งผม มน และทอมด้วย หวังว่าเราจะเดินหน้าต่อไปในหนทางของเราได้ด้วยความก้าวหน้าต่อไปด้วยแล้วกัน”

ยังร่วมงานกันได้ ถ้าเจอกันตามงานก็มาแจมกันได้?

โอ “อันนี้ต้องดูครับ เพราะว่าผมกับมนก็เป็นศิลปินเดี่ยวแยกออกจากกันแล้ว Room39 ไม่ได้มีแล้ว ดังนั้นอยู่ๆ จะเป็น Room39 มันก็ไม่ใช่ ดังนั้นถ้าตอบตอนนี้ก็ดูเร็วและสรุปโดยผมเองคนเดียวไปหน่อย คงจะตอบตรงนี้ไม่ได้ทันทีอย่างนี้ครับ คงต้องเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ ซึ่งไม่มีใครตอบได้ตอนนี้”

แฟนๆ ว่ายังไงบ้าง?

โอ “แฟนๆ ก็เป็นอะไรที่มีหลายความคิด หลายความคิดเห็น บางทีเขาก็คิดเห็นไม่ตรงกันเองด้วยนะ เราก็เข้าใจเขานะ อย่างที่ผมบอกว่าไม่อยากให้มานั่งคิดอะไรมาก มันไม่สำคัญว่าอะไรเป็นอะไร เราชื่นชมศิลปินก็ชื่นชม เราเสพเพลงหรือผลงานเขาก็เสพไป ผมว่าการมานั่งกังวลว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็กลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน”

มน “เดาไปก็ไม่ถูกหรอก ไม่มีประโยชน์ด้วย”

โอ “สุดท้ายพอได้คำตอบอะไรสักอย่างหนึ่ง”

มน “บางทีก็เอาไปเชื่อมโยงกับข่าวเก่ามาก ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ควร”

โอ “เอาจริงๆ ถ้ารู้จักผมจะรู้ว่าเราไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความไม่เข้าใจ ดังนั้นถ้าเป็นแฟนเพลง อย่างที่บอกเอาใจช่วยกันต่อไป เราก็ยินดีกับความหวังดีทุกอันที่มีให้ครับ”.