Inside Dara
หลากเรื่องราวของสาวมั่นใจเกินร้อย กับถ้อยคำจากปาก ‘ติช่า’

เห็นหน้าตาลูกครึ่งแบบนี้ แต่ความจริงแล้ว นางแบบสาว “ติช่า” กันติชา ชุมมะ แชมป์ เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2 เป็นสาวไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเพราะเธอย้ายไปอยู่ประเทศสวีเดนตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอดูเป็นสาวนอกที่ดูมั่นอกมั่นใจ กระทั่งเป็นคาแรกเตอร์สาวแรงเลยทีเดียว และความมั่นใจของเธอนั่นเอง ทำให้ติช่าตัดสินใจ เข้ามาแข่งขันกับรายการนี้ และทำให้เธอคว้าแชมป์ วันนี้ “คม ชัด ลึก” เลยขอคว้าตัวเธอมาเปิดใจสาวน้อยคนนี้ว่า ชีวิตของเธอเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากชนะการแข่งขัน พร้อมกับกระแสข่าวต่างๆ นานา ที่เจอมาแล้วมากมาย ว่าแล้วไปสัมผัสตัวตนของเธอกันเลย

เส้นทางแชมป์ เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2
เริ่มต้นเข้ามาตรงนี้ได้อย่างไร

ตอนอยู่สวีเดน ได้ดูเดอะ เฟซ มันก็ดูน่าสนุกดี เลยอยากเข้าแข่งบ้าง ตอนนั้นชีวิตเราอยู่กับครอบครัวที่สวีเดน เรียนที่นั่น เหมือนชีวิตเด็กที่เรียนไฮสคูลทั่วไป หนูเป็นคนที่ชอบหาเรื่องสนุกๆ ให้ตัวเอง ชอบอะไรใหม่ๆ คิดว่าชีวิตมาลองเดอะ เฟซ มั้ย ถ้าไม่ลองตอนนี้จะลองตอนไหน หนูไม่อยากมาเสียดายทีหลัง อย่างน้อยเราก็ได้ลองแล้วนะ

ความรู้สึกนาทีที่ประกาศผล

ดีใจนะ อย่างที่เห็นตอนแข่งขัน เราดีใจมาก เป็นเกียรติที่ได้เดอะ เฟซ ซีซั่น 2 ใจหนึ่งก็เฮ้อ...จบการแข่งขันแล้ว จบแบบบริบูรณ์ (ยิ้ม) ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เพราะมันเพิ่งผ่านมา แต่รู้สึกโล่งอกไป ยอมรับว่ากว่าเราจะผ่านมาได้ก็ยากเหมือนกัน มันมีกระแสต่างๆ นานา มากมาย แต่ติช่ามองว่าให้ใจคนที่เขารักเรามากกว่า เราจะได้เป็นสุข ถ้าเราสนใจคนที่มาติมาติง หนูคงจะทำได้ไม่เต็มที่ คนที่เขารักเรา เราสู้เพื่อเขาดีกว่า

ช่วงแข่งขันเจอโจทย์มากมาย บวกกับกระแสโซเชียลต่างๆ ณ ตอนนั้นมีท้อถึงขั้นไม่อยากแข่งต่อแล้วไหม

หนูเป็นคนชอบการแข่งขันแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเราดูซีซั่น 1 แล้วรู้สึกชอบมาก สาเหตุที่บินมาที่นี่ เพราะเราดูซีซั่น 1 รายการนี้เป็นรายการที่เหมาะกับตัวเอง เป็นรายการที่ท้าทายเรา ชอบมาก หนูเลยมาที่นี่ แล้วในแต่ละวีกมีอะไรที่ท้าทาย หนูเป็นคนที่กลัวงู หนูก็ต้องเจอและผ่านมันไปให้ได้ ถ้าอยู่ถึงจุดสุดท้าย เราจะเจออะไรที่เราถนัดมากกว่าอย่างเช่น เต้น จะเข้าทางเรามากกว่า อย่างตอนเดินแบบ เราอาจจะไม่เก่ง ก็ต้องพยายามทำมันให้ได้ กว่าจะมาถึง 4 คนสุดท้ายได้ เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เมนเทอร์แต่ละคนเขาก็เล่นเกมในแบบของเขา มีหลายอย่างที่ต้องคิด การฝึกซ้อมต่างๆ ซึ่งเราจิตใจต้องเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นเราจะอยู่ไม่ได้ เราอ่อนแอไม่ได้ เราต้องสู้เพื่อทีม เพราะตอนแรกเราทำงานเป็นทีม แล้วก็มีแข่งเป็นการส่วนตัวในรอบสุดท้าย

กับเมนเทอร์แต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

เมนเทอร์ทั้ง 3 คน เขามีประสบการณ์ในวงการอยู่แล้ว ทั้ง 3 คนเก่งนะ เขารู้ว่าจะต้องทำอะไร อยู่ที่ว่าเขาจะทำอะไร บางคนอาจจะชอบแบบนี้ อีกคนชอบแบบนั้น เขาต้องตามเกมกันให้ทัน แล้วเขาจะมีกลยุทธ์ มีเทคนิคต่างๆ ซึ่งมันสนุกมาก ถ้าเราอยากจะให้อยู่รอด ต้องเชื่อฟังเมนเทอร์ เรามีพี่บี (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) เป็นเมนเทอร์ พี่บีสอนติช่าเยอะมาก ให้คำแนะนำเราเยอะเลย ตั้งแต่เขาเลือกเราวันแรกก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้ว

ชีวิตที่เปลี่ยนไป
ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างหลังจากเป็นที่รู้จัก

เวลาที่รายการออกอากาศไปเรื่อยๆ คนเริ่มรู้จักเรามากขึ้นเรื่อยๆ คนอยากถ่ายรูป เริ่มรู้สึกว่าคนรู้สึกดีกับเรา คนเริ่มจำหน้าเราได้ มีการผูกมิตรกัน ดีใจนะที่มีคนรู้จักเรา

มีอะไรที่ต้องปรับไหม

พี่บีชอบในความเป็นตัวของหนู เพราะว่ารู้สึกสบายใจ แล้วเป็นแบบนี้หรือเปล่า เราเป็นตัวของตัวเอง ที่ทำให้เราได้เดอะ เฟซ แต่มันก็มีหลายอย่าง ที่ช่าต้องปรับตัว เช่น หนูเป็นคนใจร้อน ต้องเป็นคนใจเย็นขึ้น พูดอะไรต้องระวัง เป็นคนพูดตรงมากๆ ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่เหมาะ ซึ่งช่าต้องเปลี่ยนแปลง จะเป็นเรื่องนิสัยบางอย่างที่ไม่เหมาะสมมากกว่า แต่เรายังถือความเป็นตัวเองไว้ แต่ต้องปรับบางอย่างให้เข้ากับสังคมรอบตัวเรา หรือการใช้ชีวิตบางอย่าง

หลายคนบอกว่าติช่าเป็นคนมั่นใจ ดูหยิ่ง

คือตอนนี้คนที่เข้ามาหาเรา เข้ามาเจอเรา เขายิ้มให้เรา เข้ามาแบบเฟรนด์ลี่ เข้ามาแบบหวังดี แต่บางทีหนูเหนื่อย คือเราก็เป็นคนคนหนึ่ง แต่เราต้องยิ้มให้เขา เพราะเขามาให้กำลังใจเรา มาชอบเรา เราอยากให้สิ่งตอบแทนเขา คือเป็นการยิ้ม แต่ในอีกด้านที่คนบอก เราจะไม่ฟังในทางนั้น หนูว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวหนู คนสามารถพูดได้หลายอย่างมาก บางคนบอกเราเฟรนด์ลี่ บางคนบอกดูเหมือนหยิ่ง ถ้าเขาบอกว่าหนูเหมือนหยิ่ง เขาไม่ชอบหนู หนูไม่สนใจนะ เราไม่แคร์ เราเลือกที่ไม่สนใจบางอย่าง เราไม่จำเป็นต้องสนใจทุกๆ อย่าง ทุกๆ คำพูดของทุกคน เลือกในทางดีดีกว่า ไปให้ในทางแย่ทำไม เอาจริงๆ คนที่ไม่ชอบช่า ทำยังไงเขาก็คงไม่ชอบ พูดว่าเราไม่เหมาะอย่างนั้นอย่างนี้ เราเลือกที่จะสนใจคนที่ดีกับเราดีกว่า

คิดว่าความมั่นใจของติช่า ส่งผลให้หลายคนไม่ชอบเราไหม

ช่าเข้าใจ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เป็นอะไรที่ต้องยอมรับความจริง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแต่คนรักหรือคนเกลียด แล้วการที่เรามาอยู่ในจุดนี้ ซึ่งมีคนที่จะมาติเราในโซเชียลได้ เราเป็นคนของสังคม คนสาธารณะ มันมีคนที่ไม่ชอบเรา คนที่คิดว่าช่ามั่นใจเกินไป ซึ่งช่ายอมรับว่า เราก็เป็นมั่นใจจริงๆ บางคนชอบในความมั่นใจของเรามันก็มี ถ้าคุณไม่ชอบฉัน ก็อยากให้เปิดใจมากกว่านี้ มันมีอะไรหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้จักช่า อย่างตอนแรกมีกระแสแอนตี้ช่ามากกว่านี้อีก ว่าติช่ามั่นใจมากเกินไป หน้าตาอย่างนั้นอย่างนี้ พอรายการดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเห็นความพยายาม คนเริ่มเปิดใจว่าติช่าเป็นคนแบบนี้เอง ที่จริงไม่มีอะไรมากนะ เป็นคนมั่นใจ แต่ไม่ได้คิดร้ายกับคนอื่น หนูยอมรับว่าเป็นคนแรงๆ พูดตรงๆ แต่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร อิจฉาใคร จะเป็นคนตรงๆ แบบนี้แหละ คือคนที่ไม่ชอบ ช่าก็จะบอกว่ามันเป็นธรรมชาติของคน หนูก็เลือกที่จะไม่สนใจเขา เพราะมีคนที่รักเรา ทุ่มเทกับเรา แล้วทำไมเราไม่รักเขาตอบล่ะ หนูว่ามีผู้หญิงแบบหนูเยอะนะ มั่นใจ ควรจะพูดกันตรงๆ ดีกว่ามั้ย เพราะเราไม่ทำอะไรผิดนะ ทำไมต้องมีสังคมใส่หน้ากาก ใส่หน้ากากหากันทำไม ทำไมต้องเฟคกัน หนูเป็นแบบนี้ กล้าคิด กล้าทำ พูดตรงๆ เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

หลังจากนี้วางแผนงานในวงการยังไงบ้าง

หนูยังงง (หัวเราะ) คงอยู่เมืองไทยไปก่อน ไม่มีแผนกลับไปอยู่ที่โน่น อยู่เมืองไทยไปก่อนว่างานเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่เมืองไทยรอรับงาน จริงๆ ช่าอยากลองทุกอย่าง เพราะตอนนี้เราใหม่สำหรับทุกอย่างมาก ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งด้านไหน หรือแย่ด้านไหน เราไม่เวิร์กด้านไหน อะไรที่ให้มาช่าอยากลอง และถ้าทำแล้วจะทำให้เต็มที่ แล้วช่าจะได้รู้ว่าอันนี้เหมาะกับฉัน อันนี้ไม่เหมาะกับฉัน ตอนแรกที่คิดว่าถ้าไม่ได้ เราอาจจะลองทำงานช่วงแรกๆ ไปก่อน ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไป แต่ชีวิตมันก็เปลี่ยนไปตามชีวิตของมัน เราไม่ได้ฟิกว่าจะต้องอยู่ที่นี่ที่นั่น พอได้ตำแหน่งก็จะอยู่เมืองไทยอีกสักพัก หรืออยู่ไปเรื่อยๆ ดูว่ามีงานอะไร หนูก็จะทำไป เพราะอยากทำด้านนี้อยู่แล้ว ถ้าวันหนึ่งไม่มีงาน ชีวิตไม่มีความสุข ชีวิตเปลี่ยนไป เราต้องดัดแปลงให้ได้ ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป

ชีวิตวัยเด็กในต่างแดน
ช่วงวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง

ช่าเป็นคนมั่นใจมาตั้งแต่เด็กเลย เป็นคนมั่นใจมาตลอด ถ้าให้แสดงออก แต่บางทีจะมีนิสัยบอยๆ ผู้ชายๆ ทำให้บางที เราพูดอะไรจะพูดตรงๆ ตอนเรียนหนูก็จะมีแต่เพื่อนผู้ชาย หนูใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กที่สวีเดน เหมือนชีวิตเด็กที่เรียนไฮสคูล ไปโรงเรียน เจอเพื่อนเล่นเกมส์ เดินจูงหมา ชีวิตหนูไม่มีอะไรมากที่เกิดขึ้นในชีวิต

เคยคิดไหมว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้

เคยฝัน เพราะหนูชอบดูอะไรแบบนี้ โมเดลลิ่ง ดู เดอะ เฟซ ของยูเค มันสนุก มันท้าทาย ที่มาที่นี่ เพราะคิดว่าตัวเองรัก ตัวเองชอบ ที่บ้านเราก็สนับสนุน แม่เองก็มาดูวันตัดสิน พอเราได้แม่ก็ดีใจ ร้องไห้ เพราะเขาเป็นคนสนับสนุนในความฝัน แล้วเราดู เดอะ เฟซ ด้วยกัน ตอนนั้นช่าบอกแม่ว่า ช่าอยากมาประกวด มาได้มั้ย ซึ่งแม่ก็โอเค ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีรายได้ เขาเลยให้การสนับสนุนเราในช่วงที่ยังไม่ได้ทำงาน ก่อนที่จะเราตั้งตัวได้ ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากแม่ เราก็คงไม่ได้มาตรงนี้

หัวใจสีชมพูู
ความรักกับแฟนหนุ่ม “แอนเดรียส วีก” ชาวสวีเดน เป็นอย่างไรบ้าง

ดีใจที่เขาให้กำลังใจถึงขอบเวทีเลย มันโอเคดี มีคนมาให้กำลังใจเรา หนูดีใจนะ จริงๆ ช่าไม่ได้ปิดบัง แต่เราคงต้องระวัง เพราะเราเป็นที่รู้จักแล้ว อย่างที่บอกว่า ช่าเป็นคนที่สังคมรู้จัก มีอะไรที่เราต้องปรับปรุง และต้องระมัดระวัง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเราต้องระมัดระวังอะไรมากที่สุด แต่พยายามต้องระมัดระวัง

คบหาดูใจกันมานานแล้วหรือยัง

ประมาณ 1 ปีแล้ว โอเคนะ เขาเป็นคนดี ดูแลดี มันไม่ใช่แค่คนหนึ่งดูแลอีกคนหนึ่ง แต่เป็นการดูแลของคนสองคนที่ดูแลกัน ว่าเวิร์กมั้ย ไม่เวิร์กมั้ย เข้ากันได้หรือเข้ากันไม่ได้ เขาอยู่ที่สวีเดน แต่ที่เขามาเพราะเขาบินมาเชียร์


นี่แหละสาวมั่น “ติช่า” กันติชา
เธอคือ กันติชา ชุมมะ
ชื่อเล่น ติช่า
เกิดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2538
ปัจจุบันอายุ 21 ปี
การศึกษา International High School of Healing Boy
เข้าสู่วงการ แชมป์จากรายการ เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2