Inside Dara
กะเทาะชีวิต ทับทิม เรียนเลิศ - งานรุ่ง - รักพุ่ง

กำลังเป็นสาวที่อยู่ในกระแสไม่แพ้นางเอกคนอื่น ๆ ของช่อง 7 เลยทีเดียว สำหรับนางเอกสาวหน้าหวาน ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ เพราะนอกจากจะมีงานละครต่อเนื่องทั้งละครเย็นและหลังข่าวแล้ว หัวใจของเธอยังเป็นสีชมพู เพราะพระเอกหนุ่มลูกครึ่ง สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ประกาศชัดเจนว่ากำลังตามจีบสาวทับทิมอยู่ ฮอตซะขนาดนี้ เลยขอนัดสัมภาษณ์นางเอกสาวหน้าหวาน เพื่อพูดคุยถึงผลงาน และสแกนหัวใจของเธอว่าตอนนี้มีสเตฟานซุกซ่อนอยู่หรือเปล่า

ช่วงนี้มีผลงานอะไรบ้างเอ่ย

มีละคร “สวนอาหารบานใจ” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 น.และงานพิธีกรรายการ “เส้นทางเศรษฐี” สำหรับเรื่อง “สวนอาหารบานใจ” รับบทเป็นบานใจ ตอนแรกเปิดอู่ซ่อมรถไถนา แต่สุดท้ายจับพลัดจับผลูมาเป็นผู้จัดการสวนอาหาร ต้องเข้าครัวทำอาหาร ซึ่งบทในเรื่องมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทับทิมต้องสร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวละคร ตัวละครตัวนี้จะปิ๊งไอเดียใหม่ ๆ ตลอดเวลา ทับทิมเลยคิดคาแรกเตอร์ตัวละครให้เกาคาง ทางผู้กำกับ อาประยูร วงศ์ชื่น ก็ซื้อ

ละครเรื่องนี้ประเดิมช่วงเวลาละครเย็นใหม่ด้วย แต่ได้ข่าวว่าเรตติ้งละครดีกว่าที่คาด

เป็นละครเวลา 18.00 น. ประเดิมเป็นเวลาใหม่ของช่องเลย เรตติ้งค่อนข้างดีประมาณเกือบ 8 ได้ ละครเรื่องนี้เราจะเน้นเรื่องการทำอาหารไทย แล้วเวลาไปเจอแฟน ๆ ละคร เขาก็จะพูดว่าทำอาหารเมนูต่าง ๆ ได้น่าทาน ซึ่งคนดูได้รับในสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร คือ อาประยูร อยากให้คนให้ความสำคัญกับอาหารและสมุนไพรไทย พอแฟนละครจำรายละเอียดเหล่านี้ได้ ทำให้เราดีใจ เขาไม่ได้จำแค่ชื่อตัวละครได้

นอกจากนี้มีละครเรื่องอื่นอีกมั้ย

มีละคร “โทน” ซึ่งเป็นละครเพลง แต่โชคดีที่ทิมได้มีโอกาสได้ร้องเพลงประกอบละคร “สวนอาหารบานใจ” มา 4 เพลง แต่ละเพลงก็แตกต่างกันไป พอต้องมาร้องเพลงในเรื่อง “โทน” ช่วยให้ทับทิมทำงานง่ายขึ้น ได้มีโอกาสทำอะไรหลายอย่าง เราก็ได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้จะเปิดกล้องละครอีก 1 เรื่อง แต่รอให้อะไรแน่ชัดแล้วค่อยบอกอีกที

งานค่อนข้างต่อเนื่องมากเลย

รู้สึกดีใจ เพราะทับทิมเป็นคนที่ชอบทำงานอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่มีงานทำคงจะรู้สึกเหงาน่าดู เพราะที่ผ่านมาเราทำงานตลอด ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสทำงานต่อเนื่อง

เหมือนตอนนี้ภาพของทับทิมกลายเป็นเจ้าแม่ละครเย็นไปแล้ว

จริง ๆ ต้องขอบคุณทุกคนที่เรียกฉายาโน่นนี่ให้ทับทิม ถ้าเป็นฉายาที่แฟนละครหรือพี่ ๆ สื่อตั้งให้ถือว่าทุกคนติดตามผลงานของเรา และมีฟีดแบ็กกลับมา ก็รู้สึกขอบคุณจริง ๆ แต่ถ้าพูดตามอัตราส่วนการทำงาน ทับทิมจะเล่นละครเย็นและละครหลังข่าวพอ ๆ กัน แต่ที่คนมองว่าเป็นเจ้าแม่ละครเย็นอาจจะเป็นเพราะแฟน ๆ ชอบบทบาทละครเย็นของเรามากกว่า

นักแสดงบางคนอาจจะชอบเป็นเจ้าแม่ละครหลังข่าวมากกว่า เรายึดติดตรงนั้นไหม

ไม่คิดมากเลย แค่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบก็ดีใจแล้ว ทับทิมคิดเสมอว่าเราเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะบทบาทไหนละครลงช่วงอะไร ทับทิมขอทำงานเต็มที่ก็พอ

ได้ยินมาว่าทับทิมเรียนและทำงานไปด้วย แถมเรียนมหาวิทยาลัย 2 แห่งพร้อม ๆกัน

ใช่ค่ะ ตอนนี้โล่งไปเปลาะหนึ่ง เพราะเรียนจบที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จบแล้ว ต้นปีหน้าน่าจะได้รับปริญญา ส่วนอีกแห่งเป็นมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) อันนี้อาจจะจบช้ากว่าเพื่อนนิดหนึ่ง เพราะที่นี่เข้มงวดเรื่องเวลาเข้าเรียนมาก เราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็มีผลกระทบ ทับทิมจะพยายามคุมให้การเรียนสามารถดำเนินต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องดร็อป

ทำไมต้องเรียน 2 แห่ง

ทับทิมเรียนเก็บหน่วยกิจที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงตั้งแต่อยู่มัธยมปีที่ 4 แล้ว ที่นี่จะเปิดโอกาสให้เรียนแบบ “นัน-ดีกรี” ได้ตั้งแต่ ม.4 เหมือนเก็บหน่วยกิจไว้ก่อนได้ พอจบ ม.6 เราสามารถเรียนต่อที่รามคำแหงให้จบภายในเวลา 2 ปี เราก็สามารถจบเร็วกว่าเพื่อนได้ หรือไม่ก็สามารถโอนหน่วยกิจตรงนี้ไปเรียนต่อที่อื่นได้ พอเรียนจบ ม.6 ก็สามารถชิงทุนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้อีก ก็เลยเรียนควบคู่กันมาตลอด

เหนื่อยมั้ยกับการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย

ยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกัน แต่มันก็โอเคถ้าเราได้ทำสิ่งที่เรารัก เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข ทับทิมมีอะไรที่อยากจะเรียน อย่างคณะบริหารธุรกิจ เอกบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ หลายคนบอกว่าทำไมถึงเรียนเอกที่ยาก แต่ทับทิมคิดว่าเราอยากได้ความรู้ในสิ่งที่เราชอบ จะทำให้เราขยันอยากเรียนค่ะ ดีกว่าไปเรียนอย่างอื่นที่เราไม่อยากทำ เราจะมาเสียใจทีหลังหรือเปล่า

มีการแบ่งเวลาในเรื่องการเรียนและการทำงานอย่างไร

จะบอกพี่ ๆ ทีมงานล่วงหน้า ขอไปสอบก่อน จะแบ่งเวลาสอบและทำงานให้ชัดเจน อย่างเรื่องอ่านหนังสือ ยอมรับว่ามีเวลาอ่านหนังสือน้อยมาก ช่วงเรียนจะเน้นตั้งใจเรียนและเลกเชอร์ทุกอย่างให้ได้มากที่สุด

ทำไมถึงให้ความสำคัญกับการเรียน เพราะจริง ๆ แล้วเราสามารถหาเงินได้เยอะอยู่แล้ว

ทับทิมคิดว่างานในวงการเป็นงานไม่แน่นอน วันหนึ่งถึงจุดที่เราต้องหยุด และไปทำในสิ่งที่เรารักอย่างอื่นบ้าง ความฝันอันสูงสุดของทับทิมคืออยากเป็นทูตพาณิชย์ ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ทับทิมค่อนข้างวางแผนกับชีวิต แต่ไม่ได้เอาแผนนั้น ๆ มากดดันตัวเอง เราแค่เอาแผนนั้นมาเป็นกำลังใจในการทำทุก ๆ อย่างที่เราต้องการ ชีวิตคนเราต้องมีเป้า และเราก็ต้องเตรียมตัวให้ดีเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจ

ทับทิมพอใจกับจุดที่ยืนอยู่มั้ย ประสบความสำเร็จในเรื่องการงานและเรียน

ณ ตอนนี้ถือว่าพอใจ ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นสำหรับตัวเรา เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ถามว่าตอนนี้ชีวิตทับทิมเปลี่ยนจากแต่ก่อนเยอะไหม ไม่เปลี่ยนนะ เพียงแต่ว่าเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้นเอง และมีคนที่มองว่าเราเป็นตัวอย่างให้กับน้อง ๆ เยาวชนได้

ถามเรื่องความรักบ้าง ตอนนี้เหมือนหัวใจทับทิมเป็นสีชมพู

ที่ผ่านมาถ้าทับทิมร่วมงานกับใครก็จะติดต่อกันอยู่แล้ว กับพี่สเตฟานก็อาจจะมากกว่าคนอื่นหน่อย ณ ตอนนี้ก็เป็นพี่น้องกัน สนิทกันในระดับหนึ่ง เราเคยเล่นละครด้วยกัน การพูดคุยก็เลยคุยและเข้ากันได้ง่าย มีอะไรก็พูดคุยและปรึกษากันได้ ตอนนี้เหมือนเป็นกำลังใจที่ดีให้กันเท่านั้นเอง

แต่สเตฟานออกตัวแรงเลยว่าจีบ

ก็ขอบคุณค่ะ จริง ๆ ทับทิมไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกว่าพี่เขาจะออกมาพูด เราไม่ได้อยากให้ทุกคนคาดหวังด้วย ทับทิมไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่านี้ เพราะมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเยอะทั้งเรื่องเรียนและงาน

สเตฟานค่อนข้างมีข่าวเจ้าชู้เยอะ กว่าเราจะเปิดโอกาสให้เขามาทำความรู้จัก ใช้เวลาตรึกตรองนานไหม

ทับทิมว่าเราต้องอาศัยการทำความรู้จักมากกว่า ข่าวที่ออกมาต้องเข้าใจว่าก็เป็นแค่ข่าว เราก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่จริงอย่างไร แต่เท่าที่คุยพี่สเตฟานเป็นเหมือนพี่ที่ดีคนหนึ่ง ตั้งแต่ได้ทำงานร่วมกันก็ไม่เห็นมีพฤติกรรมที่ไม่ดีแบบนั้น

แต่พอมาคบพี่เขา เราก็ถูกโยงไปถึงอดีตคนที่เขาเคยคุยอย่าง ส้ม-ธัญสินี เรารู้สึกยังไงกับข่าวเกาเหลาแบบนี้ และจริงหรือเปล่า

ทับทิมเข้าใจการทำงานของทุกฝ่ายทุกคน เป็นเรื่องปกติที่เราทำงานตรงนี้ต้องมีข่าวออกมา ถ้าเรื่องไหนที่จริงหรือไม่จริงอย่างไร เวลาพี่ ๆ มาถามเราก็ยังมีโอกาสได้ชี้แจง ทับทิมไม่ซีเรียสข่าวเกาเหลากับพี่ส้ม เพราะไม่มีอะไรเลย เราอาจจะไม่ได้สนิทกัน เพราะเรายังไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เคยเจอกันตามงานของช่องเท่านั้น

รู้สึกอย่างไรบ้างที่คนมองว่าเราดังเพราะข่าว

ถ้าคนติดตามข่าวจะรู้ว่าตั้งแต่เข้าวงการมาทับทิมไม่ค่อยมีข่าวทำนองนี้เท่าไหร่ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นประเด็นเท่านั้นเอง ถ้าเลือกได้ทับทิมก็ไม่อยากเป็นข่าวด้านนี้ ถ้าพูดว่าทับทิมอยู่ได้เพราะข่าวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะก่อนหน้านี้ทับทิมก็ไม่ได้มีข่าวอะไร เราก็สามารถมีงานทำต่อเนื่อง ผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสเราอยู่แล้ว

คนมองเราด้านนี้ บั่นทอนหรือท้อบ้างไหม

ไม่เคยท้อหรือน้อยใจเรื่องข่าวเลย เพราะเข้าใจในความเป็นไปของวงการบันเทิง เราเลยสามารถอยู่ตรงนี้ได้โดยไม่ต้องเอามากดดันหรือซีเรียสกับตัวเอง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า

กับสเตฟาน ณ วันนี้เทใจให้เขากี่เปอร์เซ็นต์

ใครเข้ามาตอนนี้ก็เป็นเพื่อนพี่น้องกันไปก่อน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขดี จริง ๆ ก็มีคนเข้ามาพูดคุยกับเราเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เราชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของแต่ละคนอยู่ระดับไหน กับพี่ฟานก็มีโอกาสได้คุยกับพี่เขามากที่สุดแล้วกัน

กำหนดไว้บ้างไหมว่าเมื่อไหร่จะเรียกแฟน

ไม่เคยกำหนดค่ะ แล้วแต่เวลามากกว่า ถ้าถึงช่วงเวลาที่เหมาะเราก็คงจะรู้เองว่าใช่หรือไม่ใช่ ถามว่าพี่ฟานตรงสเปกไหม ทับทิมไม่มีสเปกเลย อาศัยการพูดคุยและเรียนรู้นิสัยแต่ละคนว่าเข้ากับเราและครอบครัวของเราได้ไหม ถ้าเข้ากับครอบครัวเราไม่ได้ คนนั้นก็คงจะไม่ใช่

แต่สเตฟานก็เข้าทางแม่นะ

ก็คุยกันตามปกติ ถามว่าคุณแม่มองพี่สเตฟานยังไง คือยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่เรื่องนี้จริงจังเลย แต่แม่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสอะไร และทุกอย่างเวลาเราคุยกันก็จะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่อยู่แล้ว

ท่าทางสเตฟานจะเข้าถูกทางแล้ว ก็ขอให้พิชิตใจสาวทับทิมให้ได้นะจ๊ะ!