Inside Dara
ญาญ่า มองความรักสวยงาม มีทั้ง ''ให้'' และ ''ได้รับ''

กลายเป็นนางเอกที่ดังจนใคร ๆ ก็ฉุดไม่อยู่ซะแล้ว สำหรับ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ที่ตอนนี้กำลังมัดใจผู้ชมอยู่กับละคร “ธรณีนี่นี้ใครครอง” ที่เล่นกับพระเอกคู่ขวัญ ณเดชน์ คูกิมิยะ ช่วงนี้ตารางชีวิตของเธอนั้นแน่นขนัด กว่าจะฉกตัวเธอมานั่งพูดคุยได้ในวันนี้แทบแย่ แต่ถึงจะลุยงานหนักยังไง ญาญ่าก็ยังไม่แสดงท่าทีเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อกับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า เพราะเธอพูดอย่างเต็มปากว่า เธอชอบและรักงานที่ทำอยู่มาก ๆ

เป็นยังไงบ้างกับละคร “ธรณีนี่นี้ใครครอง”?

หนูคิดว่าละครเรื่องนี้ คนดูน่าจะได้อะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะว่าสถานที่ที่ไปถ่ายทำแต่ละที่นั้นหายาก เข้ายาก ถ่ายทำยาก แล้วก็สวยมาก หนูว่ามันเป็นละครที่น่ารักค่ะ เป็นอะไรที่สบาย ๆ ไม่เครียด มีบทเรียนเกี่ยวกับเกษตรกรรม หนูคิดว่ามันยากตรงที่มันเน้นเรื่องเกษตรกรรมนี่แหละค่ะ โดยส่วนตัวหนูไม่รู้อะไรแบบนี้ไงคะ เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าไปเป็นตัวละครตัวนี้จะยากนิดหนึ่ง ตอนถ่ายก็ต้องไปปักหลักอยู่เชียงใหม่เลย ไม่ได้เข้าเมืองเลย ก็มีเข้าเมืองบ้างกับฉากตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่ก็น้อย ตอนถ่ายทำก็รวมแล้ว 8 เดือนค่ะ ก็มากกว่าครึ่งคิวค่ะ ที่อยู่เชียงใหม่

เรื่องนี้เล่นกับณเดชน์ อีกแล้ว เหมือนจะกลายเป็นคู่ขวัญกันไปแล้ว?

ก็ถือว่าเป็นโชคของเราที่ได้เล่นละครที่ดี หนูว่าที่เราได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ก็เพราะเนื้อเรื่องกับองค์ประกอบของเรื่องของละครที่ได้เล่นมันดี หนูไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะหนูเล่นกับพี่ณเดชน์เลยนะ แต่การทำงานก็ดีค่ะ ตั้งแต่เรื่องแรกหนูก็รู้สึกว่า ราบรื่นดี ลื่นไถล ๆ ไปเรื่อย (หัวเราะ) แต่หนูคิดว่าด้วยนิสัยของทั้งสองคนเป็นคนที่ขี้เล่น มันเลยเข้ากันได้ดี

พอมีคนเชียร์เยอะ ๆ พร้อมทั้งช่อง ดันให้มาเป็นคู่ขวัญกันกดดันไหม?

กดดันไหม ก็ในระดับหนึ่งค่ะ ทุกครั้งที่เล่นด้วยกันมันต้องพัฒนา เรื่องแรกคนชอบแล้ว เรื่องต่อไปต้องทำให้เขาชอบมากกว่าเดิม มันก็ยาก แต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรมากค่ะ คือตอนที่เล่นกับคนอื่นอย่างพี่หมาก-ปริญ กับพี่โฬม-พัชฏะ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะคะในระดับหนึ่ง ก็อยากให้แฟน ๆ รักในฝีมือ หนูคิดว่าถ้าหนูเล่นกับคนอื่น มันก็ไม่ต่างจากที่หนูเล่นกับพี่ ณเดชน์หรอกค่ะ

ถ้าให้คะแนนตัวเองในการเล่นละครจะให้สักเท่าไหร่ดี?

5 ค่ะ หนูคิดว่าหนูยังพัฒนาได้มากกว่านี้ ขนาดนี้ก็ถือว่าหนูใจดีกับตัวเองแล้ว หนูให้น้อยกว่านี้ก็ได้ คิดว่าการเล่นละครมันต้องสะสมประสบการณ์ ตอนนี้หนูว่าชั่วโมงบินหนูยังน้อยอยู่ ก็คิดว่าเรื่องต่อไปน่าจะเล่นได้ดีกว่าเรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้หนูกำลังถ่าย “ดาวเรือง” ค่ะ แล้วก็ “มายาตวัน” น่าจะเปิดกล้องเร็ว ๆ นี้ค่ะ อย่าง “ดาวเรือง” คาแรกเตอร์ก็จะเป็นผู้ชายเลย เขาจะแมนมาก เพราะว่าเป็นคนดูแลครอบครัว เหมือนเป็นหัวโจกของหมู่บ้าน ก็ต้องปรับลุคเยอะค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเสียง ทุกวันนี้หนูต้องพูดกดเสียงให้ต่ำ ๆ มันจะได้ชิน หนูว่าคาแรกเตอร์นี้มันห่างตัวหนูมาก หนูไม่ได้แมนขนาดนั้น หนูจะออกหวาน ๆ นิดหนึ่ง ก็ยากค่ะ ก็ต้องไปดูในละครค่ะ ก็หวังว่าออกมาแล้วคนดูจะเชื่อ ตอนนี้หนูก็พยายามอยู่ค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้เข้าคลาสเรียนแอ๊คติ้งเลยค่ะ แต่หนูก็เก็บประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ มองโลกให้กว้างขึ้น สังเกตคนโน้นคนนี้ การตีความบทก็ยังยากอยู่นิดนึง เราต้องเข้าใจ ลึก ๆ ว่ามันแปลว่าอะไร และบางคำยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ แต่หนูว่าหนูก็เข้าใจได้เยอะขึ้นมาก ๆ

ช่วงนี้ดูตารางชีวิตแน่นมาก?

แน่นมากค่ะ ปิดเทอมด้วยไงคะ เลยพยายามอัดงานโฆษณา งานอีเวนต์ อะไรให้หมดเลย ก็พยายามเก็บละครให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนูก็ถือว่ามันเป็นช่วงที่มีงาน ถ้าไม่มีงานเมื่อไหร่เราก็พักเมื่อนั้น ตอนนี้มีงานก็ทำไป มันก็มีที่อยากพักบ้าง แต่ก็ไม่ซีเรียสค่ะ ถือว่าเรายังเด็กอยู่ ยังไหวอยู่ เรื่องสุขภาพถ้านอนไม่พอ ก็กินพวกวิตามินเสริม หรืออะไรที่ทำให้เรามีแรง แล้วก็ดื่มน้ำเยอะ ๆ ค่ะ ส่วนการออกกำลังกาย คือในเรื่อง “ดาวเรือง” ต้องทำกิจกรรมตลอดเวลา หนูก็ถือว่านั่นแหละค่ะ คือการออกกำลังกายของหนู เหมือนไปถ่ายแฟชั่นหรือไปถ่ายโฆษณา ก็ถือเป็นการออกกำลังกายทางหนึ่งค่ะ

งานหนักแบบนี้ส่งผลถึงเรื่องเรียนไหม?

ไม่เท่าไหร่ค่ะ เท่าที่ผ่านมาผลสอบก็ดีโอเคทุกอย่างค่ะ แต่เทอมนี้ก็ต้องดูก่อนค่ะ ว่ามีเรียนวันไหนบ้าง แล้วจะชนกับคิวละครเยอะแค่ไหน ก็อ่านหนังสือเอาตอนที่ว่างค่ะ แต่คือสำหรับหนูบทละครมันยังเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำอยู่ พอได้บทมาก็ต้องอ่านก่อน จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่น หนังสือเรียนถ้าว่างจริง ๆ ก็ถึงจะอ่าน แต่หนูเป็นคนจำอะไรง่ายค่ะ ถ้าอะไรที่ยากหนูจะไม่จำจนกว่าจะมีคนอธิบาย แต่ถ้าอะไรที่ง่ายหนูจะจำเร็วมาก ยิ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษหนูจะจำได้ง่ายมาก ทุกครั้งที่ได้เข้าห้องเรียนหนูจะปิดตัวเองมาก จนเพื่อน ๆ เริ่มบ่นว่าทำไมยูไม่คุยเลย แต่มันไม่มีเวลาเท่ากับคนอื่น ๆ เวลาที่ได้เข้าเรียนหนูจะพยายามเก็บข้อมูลให้ได้เยอะที่สุด

ที่บ้านปลูกฝังเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหม?

ความรับผิดชอบค่ะ คือถ้าเรามีความรับผิดชอบต่องานต่อการเรียน ทำความรับผิดชอบต่อครอบครัว ทุกอย่างก็โอเคค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่จะต่างกัน คุณพ่อจะเน้นเรื่องเรียน จะถามทุกเดือนเลยว่า เกรดเป็นยังไงบ้าง เรียนเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม ไหวไหม อยากพักงานไหม แล้วแม่ก็จะถามว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็บอกได้ แต่แม่จะคอยช่วยจัดเวลาค่ะ ถ้าแม่เห็นว่าอ่านหนังสือเยอะแล้ว ก็จะแบบว่าเราไปอ่านบทกันบ้างไหม จะช่วยแบ่งเวลาให้ถูก ที่ทำงานทุกวันนี้ก็เพราะหนูชอบค่ะ แม่ไม่เคยบังคับ แม่เป็นคนที่ตามใจหนูมาก โชคดีมากเลยค่ะ หนูชอบทำแล้วสนุก รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ถ้าเราไม่ทำตอนนี้เราจะเสียดายทีหลัง

ทำงานแน่นขนาดนี้เรื่องความรักก็ไม่มีเข้ามาเลย?

ก็รออยู่ค่ะ (หัวเราะ) หนูถือว่าความรักเป็นอะไรที่ทุกคนต้องเจออยู่แล้วในชีวิตนี้ ถ้าเราไม่มีความรักในชีวิตของเราก็คงเป็นอะไรที่เศร้ามากเลยค่ะ ตอนนี้คิดว่าความรักเป็นอะไรที่สวยงาม ทำให้เรามีรอยยิ้ม ทำให้เรามีการให้แล้วก็ได้รับ แต่ไม่มีใครเข้ามาเลย เศร้าเนอะ ไม่มีใครเข้ามาจีบแบบจริงจังค่ะ แบบหยอด ๆ ก็ไม่มีค่ะ เพราะหนูอยู่กับแม่ตลอด ด้วยความที่เกรงใจผู้ใหญ่ด้วย ก็อาจจะไม่กล้า

อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ บ้าง?

อยากฝากละครธรณีฯ ค่ะ มันเป็นละครที่ทุกคนตั้งใจมาก ทุ่มเทกันมากเต็มร้อยกันทุกคน อยากให้ดูกันเยอะ ๆ เป็นกำลังใจให้หนูกันเยอะ ๆ นะคะ

ขอกำลังใจมาแบบนี้ถ้าไม่ให้ ก็จะดูใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว เอาใจพี่ไปเต็ม ๆ เลยน้องเอ๊ย!.