Inside Dara
‘จ๋า’ไม่เข็ดความรักแค่หยุดพักหัวใจ...

ถ้าเอ่ยถึงนักแสดงมากความสามารถอีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ “จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” เรื่องงานเธอแฮปปี้มีเข้ามาไม่ขาด แต่ในเรื่องของความรักกลับสวนทาง เพราะความรักครั้งล่าสุดกับนักธุรกิจหนุ่ม “กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ไม่ลงล็อกเพิ่งเลิกรา จนคนแซวว่าเปลี่ยนลุคผมสั้น เพราะรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป หลังคบหากันมากว่า 3 ปี ข่าวคราวออกมาจับต้นชนปลายโยงสาเหตุรักร้าวของทั้งคู่ไปหลายเรื่อง วันนี้ “ดาวต่างมุม” จึงขอนัดแนะสาวจ๋ามาพูดคุยอัพเดทชีวิต การทำงานและความรักที่ผ่านไปนี้ทำให้เธอเติบโตเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ติดตามได้เลยค่ะ

ปีนี้จ๋าเข้าวงการปีที่เท่าไหร่แล้ว ?

“ปีนี้จ๋าอยู่วงการมาปีที่ 15 แล้วค่ะ มีความหลากหลายมากในแง่ของเนื้องาน จ๋าลองทำมาหมดทุกอย่างแล้ว จ๋าเริ่มจากวีเจ มาเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ เล่นหนัง นอกนั้นรับเชิญละคร พิธีกร ร้องเพลง เขียนเพลง ทำเบื้องหลัง กำกับหนังสั้น ทำครบหมดแล้วจริง ๆ ในวงการค่ะ (ยิ้ม)”

การเข้ามาอยู่ในวงการ เราอยากทำด้านนี้หรือเปล่าเพราะจบรัฐศาสตร์มาซึ่งไม่เกี่ยวกับวงการเลย?

“ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาสายบันเทิงเลย แรก ๆ ชอบงานวีเจอย่างเดียว จ๋าตั้งใจเรียนจบแล้วเป็นนักการทูต เลยเรียนรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จุฬาฯ แต่เป็นคนชอบดูทีวีช่องเดียวคือช่องที่เป็นมิวสิกวิดีโอ เราเห็นวีเจเป็นตัวของตัวเองมากเลยสนใจ พอมีโอกาสไปประกวดวีเจ ก็ทำงานมากับนักร้อง มิวสิกวิดีโอ ผู้กำกับหลายท่านเห็นจ๋า เลยชักชวนมาเทสต์งานแสดง หนังเรื่องแรกคือ “คู่แท้ปาฏิหาริย์” เล่นกับพี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ที่เรากรี๊ดแต่กดดันมาก โชคดีเรามีอาจารย์รอบตัวที่ดี รวมถึงพี่ติ๊กด้วยช่วยส่งเสริมเราไปในทางที่ดีขึ้น ๆ เล่นหนังมาทั้งหมด”

คนมอบฉายาว่า “เจ้าแม่หนัง” เพราะเล่นหนังเยอะมาก ?

“ใช่ค่ะ 10 กว่าเรื่องเลยนะ (หัวเราะ) จ๋ารักอยู่สองอย่างคือวีเจกับเล่นหนัง วีเจไม่เหมือนพิธีกรเพราะเป็นตัวของตัวเองกว่า ส่วนการเล่นหนังต้องใจรัก ถ้าเทียบค่าตอบแทนกับงานอื่นเราได้เงินเยอะกว่า แต่มีความภูมิใจมากเวลาหนังออกมาเป็นเรื่อง เก็บได้ยาว ๆ ด้วย ถ้าถามว่าบทไหนที่อยากเล่นอยากเล่นแอ๊คชั่นแบบจริงจัง แล้วก็บทอัตชีวิตประวัติของคนน่าจะถ่ายทอดยากเหมือนกันถ้ามีโอกาสก็อยากลอง”

สิ่งที่จ๋าเรียนรู้จากการอยู่วงการมา 10 กว่าปี ?

“วงการนี้ทำให้จ๋าเป็นคนเข้าใจคนอื่น หลายครั้งจ๋าเองถูกคนไม่เข้าใจ เราเลยไม่มองด้านเดียว อาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับคนคนนั้นก่อนหรือเปล่า ถ้าเราไม่เห็นเองจะไม่สรุป สองคือเราเข้าใจว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ วันนี้ซ้ายพรุ่งนี้อาจขวา เราจึงต้องมีสติ สามใช้ชีวิตโดยที่คิดไปด้วยก็จะได้เลือกใช้ชีวิตให้หลากหลายแต่เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ทำร้ายใครค่ะ”

การเลือกงานหนึ่งงาน จ๋ามององค์ประกอบอะไรบ้าง ?

“อย่างแรกจ๋าดูความตั้งใจของคนทำงาน ตัวบท สำคัญที่สุด ถ้าบทดี แต่คนทำงานทำแค่ให้จบ ๆ ไปเราก็ไม่อยากทำ เราก็อยากได้งานที่ดี สองคือถ้าเราเป็นคนดู เราอยากดูมั้ย ใจมาร้อยก่อน เงินตามทีหลัง เราเป็นคนละเอียดซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อย่างละครคนถามและติดต่อมาเยอะ แต่เรายังไม่เห็นบทที่แตกต่าง หรือฉีกไปเลย ถ้ามีบทที่ท้าทาย ทีมงานที่ดี เราก็ยินดีที่จะเล่นค่ะ”

คนที่อยู่ในวงการมานานมักจะเปลี่ยนไปเมื่อมีชื่อเสียง ?

“โชคดีที่จ๋าไม่เป็น จ๋าว่าน่าจะเกิดจากจุดเริ่มต้น ถ้าเริ่มมีคนสนใจจ๋ามาก ๆ อาจหลุดไปเลยก็ได้ แต่จ๋าเริ่มจากวีเจ ค่อย ๆ มางานแสดง ทำงานหนัก ๆ ออกกองหนังทั้งวัน อยู่ได้แบบที่ทีมงานอยู่ เราถูกสอนมาให้อดทน จับต้องได้ ฉะนั้นเริ่มเข้ามาสู่งานที่คนรู้จักขึ้นตัวตนของเราจึงไม่เปลี่ยน เราคือคนปกติที่ได้มาทำงานตรงนี้ โชคดีที่สภาพแวดล้อมที่เราเริ่มทำงานมีแต่คนที่ดี ไม่มีใครพาไปเป็นอีกแบบที่เรามองว่าไม่ควรจะเป็นค่ะ”

กลัวกระแสหรือความนิยมในตัวเราลดลงมั้ย ?

“จ๋ามองเป็นธรรมดา ทุกอย่างเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้หมด สิ่งที่อยู่ได้คือของจริง ไม่ต้องเป็นนักแสดงหรอก ร้านอาหารเปิดมา 40 ปี คนก็กินถ้าอร่อย ไม่ต้องร้านสวย เดิม ๆ นี่แหละ ถ้าเค้ายังรักการทำอาหารรสชาติไม่เปลี่ยนยังไงคนกินก็ไม่เปลี่ยนใจ การทำงานในวงการนี้ก็เช่นกัน มันคือความจริงใจในเนื้องาน”

นอกจากชื่อเสียงในการแสดง ข่าวก็เป็นสิ่งที่มาคู่กับจ๋าเสมอทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ?

“ใช่ค่ะ ตอนแรกไม่โอเคเลย เครียด กลับบ้านร้องไห้ คุยกับที่บ้านว่าเราไม่ได้ทำ ทำไมคนมาว่าเรา ได้คำสอนจากคุณแม่ว่า “พระพุทธเจ้าก็มีมารผจญ นับประสาอะไรเราเป็นคนทำไมเราจะไม่โดนคนด่า คนทั่วไปยังว่ากันทุกวัน” นี่ไงบางทีเรายังใส่ทัศนคติกับคนเลย แต่พอ ตัวเองโดนเค้าใส่ทัศนคติกลับมาก็รับไม่ได้ ถ้ามองให้ธรรมดาจะไม่คิดอะไรมาก ถ้าเราไม่ได้ทำจริง ๆ ก็อย่าไปเดือดร้อนอะไรเลย”

เคยโดนมอบฉายา “จ๋าคาสโนวี่” ด้วยเพราะมีข่าวความรักบ่อย ๆ ?

“ได้มานานมากแล้วค่ะ สมัยคำนี้ฮิต ๆ ช่วงหลังไม่ค่อยใช้กับเราแล้ว อาจเพราะจ๋าเป็นคนทำตัวปกติ เวลาโสดเราไปไหนมาไหนกับเพื่อนต่างเพศ พูดง่าย ๆ คือมีคนมาจีบ ก็ออกไปทานข้าวบ้าง แล้วคนเห็นก็เป็นข่าว แต่ในความจริงเรารู้จักกันในที่สาธารณะ ไม่ได้ไปแอบที่อื่นที่ไม่มีใครเห็น จ๋าถือว่าจ๋าบริสุทธิ์ใจ คนจะพูดยังไงก็แล้วแต่ตีความ เราก็ยอมรับว่าไปเจอกัน ตอบตามจริง พอโสดมีข่าวกับหลายคนก็เอาคำนี้มาใช้กับเรา ครั้งแรกโกรธ แต่พอเวลาผ่านไปจะพิสูจน์ว่าถ้าจ๋ามีแฟนก็ตั้งใจเต็มที่ คบใครก็คบนานจริง ๆ ค่ะ”

คนมองว่าจ๋าโอเคในเรื่องงาน แต่เรื่องความรักยังไม่สมหวังลงตัวซะที ?

“ตอนเด็ก ๆ จ๋าจะอดทนเรื่องความรักน้อยกว่านี้ เมื่อก่อนเราเต็มที่ จริงจัง ปัญหาแก้ยากเราก็ถอยเลย แต่พอโตขึ้นอดทนในบางเรื่อง บางครั้งอาจทำให้เราลืมไปว่าบางอย่างควรไปตามธรรมชาติ ไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง แต่ครั้งที่ผ่านมาเนี่ยทนมาก ๆ แต่พอวันหนึ่งคำตอบของเราออกมาว่าไม่ใช่การต้องมานั่งทนอย่างเดียว มันต้องคลิก พัฒนาไป ต่างคนต่างส่งเสริมกันดีขึ้น แต่กลายเป็นว่าเราอยู่กับรักที่ต้องมานั่งคิดตลอดเวลาว่าจะทำยังไงต่อ มันเหนื่อยนะคะ เราเลยถอยออกมาคิดว่าไหวมั้ย แล้วช่วงที่ถอยได้อยู่กับตัวเอง ก็ค้นพบว่าอยู่กับตัวเองก็สบายใจดีเลยถอยเลย”

จ๋าไม่ค่อยพูดถึงความรักมาก ดูเปลี่ยนตัวเองเพื่อรักที่ผ่านมาเยอะเหมือนกัน ?

“ถ้าเรื่องการตอบคำถามชัดเจนค่ะ จ๋าอยู่มา 15 ปี เค้ารู้จ๋าพูดจริง แล้วถ้าไม่อยากตอบก็แสดงว่าพูดไม่ได้ หรือไม่อยากโกหก จ๋าไม่ได้มองว่าใครผิดนะคะ แต่มันไม่ใช่ตัวเรา เราเป็นคนพูดอะไรตรง ๆ ไม่ต้องพูดหมดก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องไปทางเดียวกัน แต่ถ้าทำอย่างหนึ่ง ต้องไปพูดอีกอย่างจ๋าไม่ค่อยชอบ เราก็ไม่ได้ดูแย่นะกับการที่ต้องยืนอยู่ข้างใคร หลายอย่างมันไม่ง่ายจริง ๆ”

ไม่ได้มีเรื่องมือที่สามใช่มั้ย ?

“ถ้าเป็นความสัมพันธ์ครั้งที่ผ่านมาจ๋าไม่ขอตอบอะไรถึงคนอื่นเนอะ จ๋ามองแค่ด้านของจ๋าพอ รักที่ผ่านมาแค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ที่จ๋าจะอยู่ต่อไปอีกแล้ว ถามว่ายังเป็นเพื่อนกันได้มั้ย คงต้องใช้เวลา จ๋าไม่รู้เค้าจะเข้าใจมั้ย เอาเป็นว่าจ๋าคิดว่า ณ วันนี้ที่จ๋าถอยกลับมา จ๋ามีความสุขขึ้นมาก แค่นี้เราก็โอเคแล้ว”

รักที่ผ่านไปเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ?

“มันมีทั้งเรื่องที่ดี และเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าเราอาจจะต้องถอยมาจริง ๆ จ๋าอยากให้ความรักทำให้เรามีความสุข แต่พอต้องคิดอะไรเยอะ ๆ มันกดดันอะไรหลายอย่างนะ ถ้าถอยมาอยู่กับตัวเองได้คงจะดีกว่า กับรักครั้งนี้ยอมรับเสียดายเวลาเหมือนกัน เพราะเป็นเวลาที่นาน แต่เราก็ได้เรียนรู้หลายอย่างกลับมา ไม่ใช่มีแต่เรื่องไม่ดี เรื่องที่ดีมากก็มี อยู่ที่เราจะเลือกมองค่ะ”

ในช่วงวัย 35 ปี ของจ๋า มองอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ?

“คนจะบอกว่าจ๋าดูอายุไม่ถึง 35 ปี เราไม่จำเป็นต้องทำตัวโต แต่เราโตไปตามสิ่งที่เรารู้สึก ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่จ๋าเข้าใจคนมากที่สุด เห็นอะไรมาเยอะขึ้น พอใจในตัวเอง ผ่านทั้งเรื่องมีความสุขมาก ผิดหวังเศร้าหลายอย่าง แต่วันนี้ทุกอย่างคือเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรสุขหรือทุกข์นาน เราก้าวผ่านมันไปได้”

ความรักที่ผ่านพ้นไปคนมองว่าเฮิร์ตมาก เปลี่ยนลุคไปเยอะ ?

“จ๋าไม่ได้เปลี่ยนตัวเองนะ แค่กลับไปเป็นตัวเองมากกว่า รักครั้งที่ผ่านมาทำให้เราเปลี่ยนไป ตอนนี้เราแค่กลับไปเป็นคนร่าเริงอย่างที่เคยเป็น ช่วงที่ผ่านมาเราคิดเยอะเลยไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ จะพูดอะไรทีตอบยาก ดูนิ่ง แต่ไม่ได้พยายามเปลี่ยนนะ มันเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น พอตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้วก็สบายใจ ไม่มีอะไรเปลี่ยนยกเว้นตัดผม สาเหตุหลักคือผมเสียจริง ๆ ไม่อกหัก จนคิดว่าถ้ามีหนุ่มคนต่อไปอาจตกใจผมเสียของจ๋าได้ (หัวเราะ) ซักครั้งในชีวิตขอผมสั้นมาก ๆ แค่นั้นเอง”

เวลาเราอกหัก ดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?

“อกหักต้องสวยขึ้น ดีขึ้นเท่านั้น (ยิ้ม) ห้ามหมองเลย ยิ่งทำให้ตัวเองทุกข์ระทมไม่ใช่สิ่งดี เศร้าในใจได้ แต่อย่าจมเปิดเพลงเศร้า นั่งร้องไห้ มันไม่มีประโยชน์ เจ็บไปแล้ววันนี้ พรุ่งนี้หัวใจเราต้องดีขึ้นค่ะ”

คนที่เข้ามาดูแลหัวใจเรา คนต่อไปต้องเป็นยังไง ?

“ก่อนหน้านี้คิดไว้เยอะอยากได้แบบนั้นแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีคำตอบเลย เพราะเรายังเหนื่อย ยังไม่อยากนึกถึงรักครั้งต่อไปเลย เราทุ่มเทกับครั้งที่ผ่านมา 3 เกือบ 4 ปี แล้วพอวันหนึ่งเหมือนถือของหนักไม่ไหว จนต้องปล่อยมือ พอปล่อยแล้ว เอ๊ะ! สบายตัวนะ เลยรู้สึกไม่อยากแบกอะไรต่อ แต่ถ้ามองธรรมดาที่สุดคือจ๋าอยากมีความสุขค่ะ จ๋าก็เหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่อยากมีครอบครัวแหละ แต่พอมันเลยจุดนั้นไปก็รอก่อน ช่วงนี้ก็มีคนพยายามเข้ามาให้เราศึกษานะ แต่ตอนนี้จ๋าขอพักหายใจ ทำอะไรดี ๆ ให้ชีวิตตัวเองเต็มที่ก่อนดีกว่าค่ะ”

สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ ที่ติดตามจ๋ามาเสมอหน่อย ?

“จ๋ามีซิทคอม “เหงาตรงไหน ใครช่วยที” ทางช่อง 5 แล้วมีหนังสั้นจะทยอยออกมา เดี๋ยวมีโปรเจคท์หนังอยากให้ติดตามค่ะ ส่วนแฟนคลับที่ตามเรามา จ๋าดีใจทุกครั้งที่เห็นคนมาคอมเมนต์ว่าชอบจ๋าด้วยอะไรก็ตาม ต่อให้เค้าไม่ได้ใกล้ชิดเรามาก แต่แค่เป็นตัวหนังสือมาสองสามคำเราอ่านก็ดีใจเต็มร้อย ไม่ต้องห่วงจ๋า จ๋าโอเคมากตอนนี้ จ๋าสัญญากับตัวเองว่าจ๋าจะเดินหน้าอย่างเดียว ไม่ถอยหลังแน่นอน ขอบคุณทุกกำลังใจจริง ๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

จากบทสัมภาษณ์ของผู้หญิงเก่งคนนี้ เราจะเห็นมุมมองการใช้ชีวิตที่เข้มแข็ง เต็มที่กับการทำงาน แม้ความรักของ “จ๋า” ยังไม่สมหวัง แต่เธอก็ยังเดินหน้าต่อไปด้วยความคิดแง่บวก ยังไงฝากทุกคนให้กำลังใจและติดตามผลงานเธอต่อไปด้วยนะคะ