Inside Dara
“ฝ้าย สุภาพร” ควงแขน “ณวัฒน์” เคลียร์ หลังถูก “เต๋า ทีวีพูล” แฉ แพ้คดีแต่ยังใช้ชีวิตติดหรู

จากกรณีที่ เต๋า ทีวีพูล พิธีกรรายการบันเทิงที่หลายคนรู้จัก ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงดาราสาวรายหนึ่งที่เพิ่งจะแพ้คดีความ ปัจจุบันงานแน่น ใช้ชีวิตหรูหราท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ติดหนี้เจ้าตัวเกือบ 2 ล้านบาท จนหลายคนสงสัยว่าดาราคนดังกล่าวคือใครกันแน่

ซึ่งงานนี้ ฝ้าย-สุภาพร มะลิซ้อน นักแสดงสาวดีกรีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2016 ต่างถูกพุ่งเป้ามาเต็มๆ โดยล่าสุดเจ้าตัว พร้อมกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง

จากกรณีที่ เต๋า ทีวีพูล ออกมาโพสต์ข้อความทวงหนี้จากนางงามคนหนึ่ง แล้วระบุว่าศาลตัดสินเรียบแล้ว ซึ่งภายหลังมีเอกสารออกมายืนยันว่าเป็นฝ้าย ทำให้คนเข้าใจไปว่าเป็นเรา เราอยากชี้แจงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง ?

ฝ้าย : “ตอนนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ปล่อยให้ไปตามนั้น ตอนนี้ถามว่าเราสู้เต็มที่ไหม เราก็สู้เต็มที่ค่ะ”

ณวัฒน์ : “มันมีหลายเรื่องซับซ้อนหลายอย่าง ตอนนี้ตัวฝ้ายกับตัวผมและทีมงานทางกฎหมายอยู่ในขั้นตอนที่มันกำลังเคลื่อนที่ไป การที่เราได้ทราบข่าว จากข่าวที่ออกไป ที่ผ่านมามีการโพสต์ว่าทางฝ้ายแพ้คดี และต้องชดใช้จำนวนเงินนั่นนี่ เราก็ค่อนข้างจะสงสัยเหมือนกันว่าทั้งหมดทั้งมวลมันคืออะไรที่เป็นข้อเท็จจริงบ้าง จนเมื่อวันที่ 27 เราก็เพิ่งได้เห็นข่าว จากสำนักข่าวหนึ่งซึ่งสัมภาษณ์ค่อนข้างละเอียด บอกชื่อและนามสกุลของฝ้าย เราก็จะพูดในสิทธิ์ของเราเฉยๆ นะครับว่า ณ ขณะนี้คดียังไม่ได้ตัดสินครับ ทุกอย่างที่ผมพูดผมรับผิดชอบ จะเริ่มสืบครั้งแรกวันที่ 22 เม.ย. ขบวนการยุติธรรมยังไงมันก็มีความยุติธรรม แต่เรื่องที่มันเกิดขึ้นถ้าดูถึงปลายทางที่มีการโพสต์ออกมาว่าชนะ มีการให้ข่าวออกมาว่าชนะ ผมเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น มันจะเป็นการให้ข้อมูลไม่ตรงกับศาล ซึ่งมันอันตราย เพราะตอนนี้ศาลท่านพิจารณาอย่างถ่องแท้อีกครึ่งหนึ่งให้มีการพิจารณาความใหม่ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาทางเราไม่เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม”

ณวัฒน์ :ผมขออนุญาตพูดแทนน้อง เนื่องจากน้องอาจจะไม่ถนัด เพราะตัวผมเป็นคนไปปฎิบัติแทนน้องเขามา เราก็รับรู้ร่วมกันมาตลอดเวลา น้องอาจจะไม่เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ฝ่ายนั้นมีการสั่งฟ้อง น้องไม่ทราบเลย ตัวผมก็ไม่ทราบอะไรเลย เงียบกันหมด ซึ่งวิธีการต่างๆ ในการเข้าถึงเรามันก็มีหลากหลายวิธี วิธีการที่ส่งไปที่บ้านมันก็เป็นไปได้ แต่ถ้าไม่มีใครรับ จะเป็นวิธีการออกสื่อก็เป็นไปได้ แต่สื่ออะไร เราจะไปรู้ที่ไหนว่าสื่อนั้นอยู่จังหวัดอะไร อันนี้ก็เป็นไปได้ มันเป็นไปได้ทั้งนั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดของใคร เคยติดต่อเรามาที่ไหน เคยยื่นโนติสต์เรามาสถานที่แห่งใดก็เจอเราทุกครั้ง เพราะฝ้ายเซ็นสังกัดอยู่ในฮอลิเดย์เทเลวิชั่น มิสแกรนด์ไทยแลนด์อยู่ที่ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเราก็ได้รับจดหมายจากบุคคลนั้นในการทวงถาม รวมถึงฝ้ายเป็นศิลปินในช่อง 7 hd ที่มีการเซ็นสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งฝ้ายเป็นคนสาธารณะ”

จะบอกว่าที่ผ่านมาฝ้ายไม่ได้รับหมายฟ้อง ?

ณวัฒน์ : “เมื่อไม่ได้รับหมายฟ้องก็ควรจะส่งหมายมาที่โนติสต์แล้วเราจะได้รับ แต่ในเมื่อทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร เวลาผ่านไปเราไม่รู้ว่าทางผู้พิพากษาท่านเรียกวันไหน ไม่มีสิทธิ์ได้รู้เลย จนในที่สุดมีการพิพากษาไปแล้ว แล้วก็ยังเงียบต่ออีก 30 วัน ถ้าเรารู้ก็ยังดี เราจะใช้กระบวนการในการอุทรณ์เพราะสามารถอุทรณ์ได้ 30 วัน แต่ว่าทุกอย่างเหมือนมีความเงียบผิดปกติ โดยที่ให้พ้นไปอีก 30 วันแล้ว ถึงเริ่มมาโพสต์เล่นกัน ซึ่งในเนื้อข่าวเมื่อวันที่ 27 มีเขียนระบุแล้วว่า ซึ่งถ้าเค้าคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นมันก็เป็นอย่างนั้นครับในสิ่งที่เขารู้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ม.ค. เราได้การอนุมัติอย่างเป็นทางการจากศาล จากผู้พิพากษาคดีให้เริ่มต้นพิจารณาคดีใหม่ เมื่อเราเริ่มมาถูกต้องในกระบวนการยุติธรรมแล้ว เราไม่ได้บอกว่าเราผิดหรือเราถูกแต่เราได้สิทธิ์นั้นคืนมาในการไตร่สวน”

ที่ได้สิทธิ์นั้นคืนมาเพราะว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้รับหมายศาล ?

ณวัฒน์ : “การไม่ได้รับหมายศาลไม่ได้หมายความว่าเราจะได้รับสิทธิ์ จะต้องมีเงื่อนไข มีวิธีการ มันเป็นเรื่องของทางกฎหมาย มันมีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าเราถูกกีดกันเข้าสู่กระบวนการโดยไม่มีสิทธิ์รับรู้ ถ้าจะตามฝ้ายง่ายมากครับ เพราะเวลาทวงเงินยังมาถูกที่เลย เวลาจะพาขึ้นศาลทำไมมาไม่ถูกที่เสียที เรารู่เราไป”

เราคิดว่ากระบวนการของเขาไม่โปร่งใสในการพยายามจะส่งเรื่องมาถึงเรา ?

ณวัฒน์ : “มันไม่เกี่ยวกับความโปร่งใสหรือไม่โปร่งใส เราทำในหน้าที่ของเรา คืออยู่ในกระบวนการยุติธรรม เรารักษาสิทธิ์ของเราแต่เราก็เคารพสิทธิ์กับผู้กล่าวหา อันนั้นเป็นเรื่องของเขาเพราะเราก็เคารพเขาอยู่ตลอดเวลา”

มีตรงไหนที่ค้องเคลียร์กันบ้าง เขาอยากได้สิทธิ์ตรงไหน ?

ณวัฒน์ : “ตอนนี้เป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว นับจากวันนี้เราไม่สามารถตอบได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ ณ ตอนนี้คำพิพากษายังไม่มีครับ”

อย่างกรณีที่เขาบอกว่าส่งหมายศาลไปให้ฝ้ายตามที่อยู่บัตรประชาชน แต่ว่าโดนตีกลับตลอด พอเช็คไปที่หมู่บ้านปรากฏว่าบ้านเลขที่นี้ไม่มี ?

ฝ้าย : “การส่งหมายศาลไปที่ภูมิลำเนาตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน ตามทะเบียนราษฎจังหวัดลพบุรี ถูกต้องไหม ถูกต้องนะคะ แต่ในตอนนี้บ้านมันไม่มีสภาพของความเป็นบ้านอยู่แล้วเพราะได้ถูกรื้อถอนไปหมดแล้ว”

ณวัฒน์ : “เอาอย่างนี้นะครับ ด้วยหลักการถ้าพูดให้ชัดเจนก็ส่งตามทะเบียนบ้านก็ได้ ส่งตามที่ทำงาน ส่งตามคอนแทคที่เราสามารถเจอก็ได้ ซึ่งหน้าก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่รู้ว่าเจ้าตัวจะต้องเห็น เนื่องจากว่าบ้านฝ้ายเป็นบ้านสมัยก่อน แล้วมันพังเลยไม่มีใครอยู่ รื้อถอนจนเหลือแค่ต้นเสา จริงๆ จะไปประกาศผ่านสื่อก็ทำได้ แต่จนตอนนี้ไม่รู้ว่าสื่อเล่มไหน เรายังหาไม่เจอ ถ้าอยากให้เราได้มีสิทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแบบจริงๆ ยังไงติดต่อเราได้ทุกเวลาอยู่แล้ว”

คิดว่าเขามีเจตนาอื่นแอบแฝงในการที่เขาส่งไปตรงนั้นไหม ?

ณวัฒน์ : “ก่อนหน้านี้เราไม่ทราบจริงๆ เราทราบเฉพาะเรื่องของเรา เราเข้าไม่ถึงขบวนการยุติธรรม”

จุดเริ่มต้นมาจากที่เขาบอกว่าฝ้ายจ่ายส่วนแบ่งไม่ครบ ฝ้ายไม่ยอมขายบ้านขายรถเพื่อแบ่งส่วนแบ่งเลยนำมาซึ่งการฟ้องร้อง ?

ฝ้าย : “เรื่องที่ทุกคนอยากทราบ ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการชั้นศาล ถ้าพูดออกไปมันจะไม่เป็นผลดีกับรูปคดี ถามว่าอยากพูดไหมตอนนี้อยากพูดค่ะ แต่มันไม่เป็นผลดีเพราะตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างได้ๆ ตอนนี้ทุกอย่างได้อยู่ในขั้นตอนของศาลแล้วเป็นที่เรียบร้อย”

เราเซ็นสัญญากับเขาจริงๆ ?

ฝ้าย : “เซ็นค่ะ ส่วนแบ่ง50:50”

ณวัฒน์ : “แต่มันมีเงื่อนไขอย่างอื่นด้วย”

ฝ้าย : “มันไม่ได้มีแค่เงื่อนไขเดียว”

ฝ้ายมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองขนาดไหน ?

ฝ้าย : “หนูมั่นใจมากค่ะ เพราะหนูไม่เคยโกงใคร สิ่งที่หนูพูดมาในวันนี้ หนูมีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าไปถึงกระบวนการชั้นศาล หนูไม่ได้มีแค่หลักฐาน หนูมีพยานบุคคลด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของศาล เพราะหนูค่อนข้างที่จะบริสุทธิ์ใจ และต้องขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ได้เข้ามาสู้คดีอีกครั้ง”

เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงไม่ได้แบ่งเปอร์เซ็นให้ตามสัญญา ?

ณวัฒน์ : “มันมีหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างจะเหมาะสม สมควร สำหรับความรู้สึกของผมนะ โอเคการเซ็นสัญญาต้องรับผิดชอบในเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่น ปีนี้ก็มีนะครับ บัตรของขวัญจากคลีนิกในมูลค่า 500,000 บาท ถ้าอยากได้ก็ต้องไปทำคนละครึ่ง เพราะเขาเขียนไว้อยู่แล้วว่าห้ามเปลี่ยนเป็นเงินสด ทีนี้น้องจะอยู่ในภาวะแบบไหนที่จะต้องชำระเป็นเงินสด มันก็งงนะครับ เพราะบางอย่างเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราก็ยินดีถ้าจะเอาแบบนั้น หมายถึงยังไม่มีเรื่องในตรงนี้นะครับ แต่เขาให้อะไรเราก็ต้องเอาแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่ถ้าเขาให้บัตรของขวัญไปรับประทานอาหาร ไปกินกับเพื่อน 2 คน แต่เพื่อนไม่ไป เพื่อนบอกเอาเงินสดมา ให้บัตรเธอไป คุณก็คงไม่ยอมขวักเงินสดให้เพื่อน อันนี้มันเป็นเรื่องปกติ แต่เพียงแค่เราก็เคารพในสิ่งที่อยากได้ ทางฝ่ายนู้นก็ไม่ได้มีอะไรผิด เพราะทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลของใครของมัน”

อย่างเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีแผนจะช่วยฝ้ายยังไงบ้าง ?

ณวัฒน์ : “จริงๆ น้องอยู่ในสังกัด ผมก็ต้องดูแลอยู่แล้วครับเต็มความสามารถ”

ฝ้าย : “พี่ณวัฒน์ไม่เคยห่างไปไหนเลย ไม่ว่าจะยังไง ฝ้ายเป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์มีสังกัด เซ็นสัญญาชัดเจน อยู่ในช่อง 7 ด้วย ฝ้ายมีผู้ใหญ่ที่คอยอยู่ข้างๆ คือพี่ณวัฒน์พูดได้เลยว่าอยู่กับฝ้ายตลอดเวลา เราคุยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรพี่ณวัฒน์ก็จะรู้ด้วย”

หลังจากนี้ต้องสู้คดีจริงจังแล้ว มีความกังวลมากแค่ไหน ?

ณวัฒน์ : “วันที่ 22 เม.ย. นัดแรกครับ บ่ายโมงตรง”

ฝ้าย : “ก็เต็มที่ค่ะ กำลังใจก็มีอยู่รอบๆ เต็มไปหมดเลย ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจฝ้ายด้วย ฝ้ายไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย แต่ถ้าถามว่ามีเสียขวัญไหม ตกใจมากกว่าค่ะ แต่เราก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่ค่ะ”

รู้สึกว่าผิดพลาดไหมที่ไปรู้จักกับเขา ?

ฝ้าย : “ไม่ค่ะ การที่เราจะรู้จักใครสักคน มันก็เป็นเรื่องดี ส่วนดีของบุคคลเหล่านั้นก็มี เหรียญมันมีสองด้านเสมอ บางทีเราก็ไม่ได้รู้ด้านดีหรือด้านไม่ดีใคร แต่ถ้าถามว่ารู้สึกผิดไหม หรือรู้สึกเสียใจไหมในการที่รู้จักใครสักคน ไม่ได้รู้สึกเสียใจค่ะ”

เป็นไปได้ไหมที่จะไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัว ?

ฝ้าย : “อันนี้ต้องอยู่ในระบบของชั้นศาลแล้วค่ะว่าจะมีคำสั่งออกมายังไง”

เรารู้สึกว่าส่วนแบ่ง 50-50 มันยุติธรรมกับตัวเราไหม ?

ฝ้าย : “ถ้าถามว่ายุติธรรมไหม ตอนนี้หนูบอกได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องในชั้นศาลอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะหนูไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ณ ตอนนี้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เราพูดได้ แต่ตอนนี้คือเราไม่สามารถพูดได้ เพราะมีเรื่องของคดีความเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะคะ แต่ถึงยังไงหนูก็เป็นผู้น้อยในวงการ ก็เคารพผู้ใหญ่หลายๆ คน ถึงแม้จะเป็นฝั่งนู้นเองก็ตาม เพราะเขาก็เป็นผู้ใหญ่ แต่ยังไงก็อยากให้รอดูต่อไปค่ะ”

เรื่องที่เกิดขึ้น กระทบกับต้นสังกัดช่อง 7 ไหม ?

ณวัฒน์ : “ไม่ๆ ก็เรตติ้งนางร้ายดีขึ้น น้องไม่ได้โดนเตือนอะไรเลยครับ แต่เรตติ้งดีขึ้นจริงๆ ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ ตอนนี้งานก็เข้ามาอีก ละครเรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก”