Inside Dara
มิตรภาพความเป็น‘เพื่อน’ไม่เคยจางหาย‘โบ-จ๊อยซ์’

ห่างหายไปจากการรวมตัวครั้งใหญ่ สำหรับสองสาว คู่หูดูโอ้ตัวแม่ในตำนานในนาม วง "ไทรอัมพ์ส คิงดอม" อย่าง "โบ" สุรัตนาวี สุวิพร และ "จ๊อยซ์" พรพรรณ รัตนเมธานนท์ ซึ่งทั้งคู่กำลังจะขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ในปลายปีนี้ใน คอนเสิร์ต "LOVEiS Special DOJO-B5 Super ติ่ง Home Coming Live Concert" ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาอย่างสง่างามของไอดอลวัยรุ่นในอดีตที่หลายคนต่างตั้งตารอ วันนี้หน้าบันเทิง หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เลยไม่รีรอขอคิวสองสาวมานั่งพูดคุยกับทุกซอกทุกมุมที่หลายคนอยากรู้กัน

คอนเสิร์ตใหญ่
กับคอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้

จ๊อยซ์ : มันเป็นครั้งแรกที่พวกเราเหล่าโดโจกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีนะที่พวกเรา ได้มาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัว ในส่วนของเรา มันก็จะเป็น ทีเค เป็นโบ กับ จ๊อยซ์ นี่แหละ ความสนุก ความสดใส เราก็ชวนทุกคนมาเต้นด้วยกัน ส่วนภาพจำของเสื้อผ้าหน้าผมที่หลายๆ คนเคยเห็นกันเราคงไม่ได้แต่งตัวเป็นย้อนยุคหรอก มันอาจจะโตขึ้น และเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นอยากให้ทุกคนได้เห็นกันนะ

โบ : มันเป็นความพิเศษ เป็นความสนุกที่ทุกคนคงจะได้เห็นกันในคอนเสิร์ตครั้งนี้ สำหรับ ทีเค ก็จะเป็นส่วนของเพลงฮิตที่ทุกคนคิดถึงกันนะ แต่เรามีการเปิดให้แฟนๆ โหวตเพลงที่อยากจะฟังในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย เพื่อให้คนดูได้มีส่วนร่วมกับพวกเรา

พูดถึงความพิเศษ และความพร้อมในคอนเสิร์ตครั้งนี้

จ๊อยซ์ : ความพิเศษของคอนเสิร์ตนี้คือไม่ใช่แค่พวกเรา ที่เป็นนักร้องที่รวมตัวกันเป็นครั้งแรกแล้วมาโชว์ร้องเพลงบนเวทีเท่านั้น แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือ ทุกคนที่เป็นแฟนเพลงของพวกเรา ฟังเพลงของเรา เติบโตมาในยุคและเป็นวัยเดียวกัน มารวมตัวกันอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ถามว่าแฟนๆ ต้องแต่งตัวให้เป็นทีเคมั้ย เราก็ไม่ว่านะ ตามสบายเลยถือว่าเป็นสีสันของคอนเสิร์ตด้วย

โบ : ความพร้อมตอนนี้ก็เริ่มที่จะประชุมเรื่องเพลงกันแล้ว และอีกไม่นาน คงได้เริ่มซ้อมคิวที่เหลือกันแล้ว แน่นอนเราจัดให้แฟนๆ กันแบบเต็มอิ่มแน่นอน

มีคนบอกว่า การกลับมาขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้ของทั้งคู่จะเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ดูโอ้ตัวแม่คืน

โบ : โอย...เราไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริงๆ นะ และเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรขนาดตัวแม่เลย เราคือเรา โบจ๊อยซ์ ไทรอัมพ์ส คิงดอม

จ๊อยซ์ : ไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่บนบัลลังก์นั้นจริงๆ นะ กับคำถามที่บอกว่าเราจะกลับมาทวงบัลลังก์ ครั้งแรกเราได้ยินเรารู้สึกแบบ ฮะ! อะไรนะ ใช่เหรอ จ๊อยซ์คิดแค่อย่างเดียวเลยว่า การกลับมาครั้งนี้คือเรา โบ และ จ๊อยซ์ได้มาทำงานด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

แฟนเพลงค่อนข้างคาดหวังเกี่ยวกับการกลับมาครั้งนี้ กดดันมากน้อยแค่ไหน

จ๊อยซ์ : คือเราทั้งคู่คิดเสมอว่าแฟนเพลงของเราคือเพื่อนทั้งหมด เราไม่รู้สึกว่า นี่คือความกดดันเลย เพราะทั้งหมดคือเพื่อนของเรา เราได้กลับมาเจอเพื่อน เราเชื่อนะว่าแฟนเพลงของเราอายุ ต้อง 20 ขึ้นไป จะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง คือก่อนหน้านี้โบกับจ๊อยซ์ไปเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แล้วก็ต้องร้องเพลง เด็กที่มาฟังก็เด็กโตแล้วแหละ แล้วเราร้องเพลง "ผ้าเช็ดหน้า" สิ่งที่เด็กฟังและทำได้อย่างเต็มที่ คือ ตบมือเข้าจังหวะให้เราเท่านั้นเลย(หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่เราไปเห็นเอง ว่ายังไงแฟนเพลงพวกเราก็ไม่ใช่เด็กวันรุ่นยุคนี้แน่นอน เมื่อสิบปีที่แล้ว เพื่อนที่มาดูเราวันนั้น สิบปีผ่านไปก็ยังเป็นคนกลุ่มนี้แหละ ที่เติบโตมาพร้อมๆ กัน

โบ : โอ๊ยย...อยากคิดได้แบบจ๊อยซ์จัง คือสำหรับเราค่อนข้างกดดันนะ แต่อย่างที่จ๊อยซ์พูดก็ถูกนะ เพราะคนกลุ่มนี้แหละเขาเติบโตมากับเรา แล้วเขาก็โตขึ้นตามเราด้วย คอนเสิร์ตครั้งนี้เราก็จะทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด เราจะเป็นเราให้ได้ดีที่สุด เพราะเราก็ไม่ได้มีเสียงร้องที่ดี เราก็จะร้องในแบบที่เราเป็นนะ

การกลับมาสู่ การทำเพลง และ วงการบันเทิง
ก่อนหน้านี้มีข่าวบอกว่าจะทำเพลงกันอีกครั้ง แต่ยกเลิกไปแล้ว อยากรู้ว่าตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจหรือยัง

โบ : เราไม่เคยพูดเลยว่าจะทำเพลงกันอีกครั้ง หรือว่าจะออกอัลบั้มอีกครั้งหนึ่งเราไม่เคยพูด แต่ถ้าเป็นทางพี่บอย โกสิยพงษ์ อันนี้ใช่นะ คืออารมณ์แบบ นักข่าวไปถามแล้วพี่บอยไม่รู้จะตอบอะไรมั้ง (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ เราไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย

จ๊อยซ์ : จริงๆ มันเป็นเรื่องของอนาคตนะ สำหรับเรื่องนี้ เราไม่ได้คิดไม่ได้วางแผนเอาไว้เลย ระหว่างโบกับจ๊อยซ์ เราสองคนอายุก็เยอะแล้ว ถ้าพูดกันตามตรง คือเราต่างคนต่างใช้ชีวิตกัน แต่ถ้าวันหนึ่งมันมีเข้ามาจริงๆ อันนี้เราก็ต้องบอกเลยว่ามันคือฟลุกแล้ว

ทั้งสองคนอยากกลับมาทำงานเพลงกันอีกหรือเปล่า

โบ : เอาจริงๆ การทำงานระหว่างเราสองคน คือมันเป็นอะไรที่สนุกอยู่แล้วแหละ แต่ด้วยงานของแต่ละคนเราก็ต่างจัดสรรเวลายากจริงๆ การทำงานของเรา แต่ถ้าอารมณ์แบบเป็นโปรเจกท์พิเศษๆ อะไรแบบนี้เราน่าจะได้ทำนะ

จ๊อยซ์ : คือต้องบอกว่า ถ้าจะให้เราไปทำเพลง ไปร้องเพลงในแบบที่เราทำตอนอายุ 18 ไปทัวร์ หรือไปร้องเพลงเยอะๆ เราคงไม่ทำหรอก บางทีคือด้วยภาพ เราไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เรามีจุดที่ต้องทำอย่างอื่นแล้ว เรามีงานที่ต้องทำ มีหน้าที่อื่นที่ต้องรับผิดชอบ แล้วความทุ่มเทกับสิ่งที่ต้องทำ เราให้กับงานของเราในปัจจุบันกันหมดแล้ว คือเราไม่ได้โฟกัสอยู่ในจุดที่เคยเป็น

การกลับมาในครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิมมากแค่ไหน

โบ : สำหรับโบที่ผ่านมามีบ้าง

จ๊อยซ์ : ต่างกันมากๆ นะ กับการกลับมาร้องเพลงบนเวทีในครั้งนี้ คือครั้งก่อน ที่จ๊อยซ์ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตของพี่บอย โกสยพงศ์ คือครั้งนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเราจะขึ้น และเราเองก็ไม่รู้ด้วยว่า คนดูเขาจะคิดยังไงกับเรา แต่ครั้งนี้คือทุกคนรู้ว่าเราจะขึ้นเวทีนี้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมทุกอย่างมันก็ต้องดีกว่าเดิมแน่นอน

จุดไฟในการเดินหน้าในการทำงานครั้งนี้อย่างไรบ้าง

โบ : พอได้มาเจอน้องๆ แรกๆเราก็ฝ่อนะ แต่พอได้เห็นน้องทุกคน ที่มาร่วมงานกันครั้งนี้ทุกคนดูกระตือรือล้นมาก มีไฟอยากจะทำ มองดูจ๊อยซ์เขาเองก็มีความสุขกับงานครั้งนี้มาก เราก็เริ่มจะมีไฟขึ้นมาบ้าง

คิดว่า วงการบันเทิง เมื่อยุคที่ ทีเค รุ่งเรืองกับ ตอนนี้แตกต่างกันมั้ย

โบ : โบคิดว่าสมัยก่อนมันไม่มีมือถือ ไม่มีโซเชียล ที่เร็วเหมือนตอนนี้ ข่าวที่ทั้งจริง ไม่จริง ทุกสำนักข่าวจะมีออนไลน์ จะมีข่าวผิด พิมพ์ผิด ไม่ตรงกับที่สัมภาษณ์ จะพูดอะไร ก็ต้องระวังกันมากขึ้นแล้วเพราะไม่ฉะนั้น มันจะออกไปเร็วมากๆ แล้วเราทั้งคู่เป็นคนไม่ค่อยระมัดระวังตัวสักเท่าไหร่ด้วย

จ๊อยซ์ : เราคิดว่าทุกวันนี้ เราก็เหมือนมีหูมีตากันอยู่รอบๆ ตัว แต่จ๊อยซ์คิดว่าคนที่เขาคิดดี เขาก็จะมอบสิ่งดีๆ ให้กับเรา ถ้าเขาคิดไม่ดี หวังไม่ดีกับเรา เขาก็จะตอบแทนในสิ่งที่ไม่ดีกลับมา ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งนั้น ว่าเราดี น่ารัก และคนเขายอมรับเรามากน้อยแค่ไหน


ปัจจุบัน-อนาคต ของ "จ๊อยซ์"
อนาคตมีการวางแผนชีวิตอย่างไรบ้างสำหรับจ๊อยซ์

จ๊อยซ์ : สำหรับเราตอนนี้ ยังไม่ได้วางแผนชีวิตตัวเองเอาไว้เลย อยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไรตอนนี้คิดได้แค่ทำวันนี้ให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ เชื่อว่าวันหนึ่ง มันต้องปิ๊งไอเดีย หรือต้องเจอเอง มันถึงจะบอกได้ แต่ตอนนี้มันยังมองไม่เห็น ส่วนเรื่องงานในวงการบันเทิงมันไม่ใช่เป็นงาน ไม่ใช่อาชีพของเรา ในมุมมองเราตอนนี้นะ แต่ถ้ามันมีอะไรเข้ามา มีโอกาสหยิบยื่นเข้ามา เราก็ยินดีที่จะทำ รอแค่โอกาสดีๆ ที่จะเข้ามา แต่ไม่ใช่ว่าเราทำอะไรแก่เกินไป ที่จะทำอันนั้นมันก็ไม่ไหว

ตอนนี้การปรับตัว ในการใช้ชีวิตเริ่มคงที่แล้วหรือยัง

จ๊อยซ์ : ตอนนี้ก็คงยังนะ เพราะถ้าปรับตัวอะไรได้แล้ว คงคิดอะไร ทำอะไรได้มากขึ้นกว่านี้ เราต้องเรียนรู้ และหาอะไรทำไปก่อน จนกว่าจะเจอสิ่งที่เราชอบจริงๆ เพราะเราชอบหลายอย่าง และเราก็ทำได้หลายอย่าง แต่เรายังเลือกไม่ได้ ว่าเราอยากจะทำอะไร เรายังไม่อยากคิด เพราะเรากลัว ว่าถ้าเราหวังอะไรสักอย่างแล้ว ถ้าไม่ได้เราจะรู้สึกผิดหวังไปกับมันไปง่ายๆ

"มิตรภาพระหว่างเพื่อน"
ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องกำลังใจทั้งคู่มอบให้ซึ่งกันและกันอย่างไรบ้าง

จ๊อยซ์ : กำลังใจเราได้จากครอบครัวก่อนเลย สิ่งที่เรารู้ได้ คือเรามีเพื่อน ทุกๆ วันถ้าเราจะทำอะไก็ตามร ถ้าเราขาดกำลังใจแล้วเหมือนเราเดินไม่เป็นนะ ทุกวันนี้ต้องคิดเยอะ จ๊อยซ์กลายเป็นคนที่หวาดระแวง แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมา คือเพื่อนพี่น้องเขาต้อนรับเราในฐานะเพื่อน โบมีส่วนช่วยจ๊อยซ์ยังไงบ้างที่ผ่านมา

โบ : เรียกว่าเราเป็นไทรอัมพ์ส คิงดอม กันมาตั้งแต่แรก เรื่องงานเพลงถ้ามีคอนเสิร์ต มีทัวร์ร้องเพลง เราก็จะขึ้นอย่างนี้ด้วยกัน แต่ถ้าให้โบไปร้องคนเดียวก็ไม่เอาเหมือนกัน มันต้องมีการทำงานร่วมกันจะขาดใครคนใดคนหนึ่งไปมันไม่ได้ คือมันต้องขึ้นอยู่กับความเต็มใจของจ๊อยซ์ด้วยว่าอยากทำหรือเปล่า เราก็จะคอยสนับสนุนเขาไป

ความในใจที่อยากจะส่งให้กันและกัน

จ๊อยซ์ : สำหรับโบคือเพื่อน ในระหว่างทาง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นยังไง เราจะอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ ตรงข้างๆ เรายังไงก็คือโบ ในชีวิตจ๊อยซ์ เรามีเพื่อนเยอะ และเพื่อนก็รักเราเยอะ แต่ว่าเพื่อนแต่ละคนก็จะมีมุมที่เราสามารถปรึกษาแตกต่างกันออกไป แต่กับโบเหมือนเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็ก เราเห็นกันหมดทุกอย่าง บางทีไม่ต้องพูดสักคำ เราก็รับรู้ความรู้สึกกันได้ เมื่อก่อนโบเขาจะงอแง แต่ตอนนี้กลับกันจ๊อยซ์จะเป็นฝ่ายที่งอแงเอง เพราะโบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเจอสังคม เจอโลกมากกว่า จ๊อยซ์มั่นใจว่ายังไงโบก็คือเพื่อนที่เราสามารถไว้ใจได้มากที่สุด และคุยกันได้ทุกเรื่อง

โบ : กับจ๊อยซ์ เรื่องให้กำลังใจ จะไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะ แต่เมื่อไหร่ที่เขาล้ม เราก็จะอยู่ตรงนี้แหละ คอยฉุดเขาขึ้นมา เราไม่จำเป็นต้องพูดแค่เขาเรียกแค่ชื่อเรา โบว่าถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันต้องรู้ทุกมุม เขาคือเพื่อนเขาคืออีกส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ต่อให้เขาจะอยู่ไหนก็ตาม เวลาทุกคนเจอโบทุกคนก็จะถามถึงจ๊อยซ์ตลอด แต่ยังไงเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ว่าจะอยู่ไหนไกลกันยังไงเพื่อนก็ไม่มีวันตัดขาดออกจากกัน

"นี่แหละคำว่า...เพื่อน"