Inside Dara
ความรักให้ได้แค่เพื่อน-ขอโฟกัสเรื่องเรียนกับงาน

ด้วยสนิทและคุยกันได้ทุกเรื่องกับพระเอกหนุ่ม ‘โดนัท-ภัทรพลฒ์’ หลายคนเลยฟันธงเรื่องหัวใจของนางเอกสาว ‘โบว์-เมลดา’ ว่าต้องคบกันแน่ๆ ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจว่า

“เราเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ ที่สนิทกันจริงๆ มีโดนัทกับต้าเหนิง 2 คน เราผ่านอะไรที่เหนื่อยหนักๆ มาด้วยกัน โบว์ไม่ได้ตอบแบบดารา ตอนแรกแม่ก็คิดว่าโบว์กับโดนัทคบกัน ทุกคนคิดหมด แม่เริ่มสังเกตเห็นว่าเราคุยกัน แต่หลังๆ มันเหมือนไม่ใช่แฟนกันแล้ว เหมือนเพื่อนกันมากกว่า เราคุยกับโดนัทเหมือนคุยกับต้าเหนิง ไม่มีความหวาน แม่เลยอุ่นใจ เมื่อก่อนแม่จะคอยห้ามตลอด ด้วยเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย โบว์มีเพื่อนผู้หญิง ผู้ชาย ตุ๊ด ทอม กะเทย มีหมดทุกแบบ กับโดนัทที่สนิทกันมากเพราะอยู่ช่องเดียวกันและผู้จัดการคนเดียวกันอีก มีงานที่เจอกันบ่อย”

มีหนุ่มกล้าเข้ามาจีบบ้างไหม เพราะเขาก็ต้องคิดว่าเราคบกับโดนัท โบว์กล่าวว่า “ก็มีคนเข้ามา เขาก็จะถามก่อนว่าคบโดนัทหรือเปล่า เราก็จะบอกว่าเพื่อนกัน แต่ตอนนี้เรายังอยากทำงานก่อน อยากมีทุกอย่างให้พร้อม อยากเรียนให้จบก่อนด้วย ความรักมันก็มีได้ แต่ก็ต้องควบคู่กันไปให้โอเค”

ถ้าวันนึงเจอคนที่ใช่ พร้อมจะเปิดใช่ไหม “เจอคนที่ใช่ทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะ) คนนี้ก็ใช่ คนนั้นก็ใช่ ใช่ทุกคนเลย ซึ่งแม่ก็รู้สเป๊ก โบว์ชอบผู้ชายตี๋ ตาหวาน คิ้วเข้ม ยิ้มหวาน ชอบที่เข้ากับเราและต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ ไม่ใช่แต่พ่อกับแม่นะ ญาติเราด้วย ต้องเข้าใจกันก่อนถึงจะบอกทุกคน ไม่อยากเป็นแฟนปั๊บบอกปุ๊บ สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี โบว์อยากให้ทุกคนรับรู้เรื่องราวของเราในมุมที่แฮปปี้ไปเรื่อยๆ จนถึงแต่งงาน มีลูก”

บอกว่าคนนั้นก็สเป๊กคนนี้ก็สเป๊ก หลายคนอาจมองว่าเราเจ้าชู้หรือเปล่า นางเอกสาวกล่าวแจง “หนูก็พูดไปเรื่อย (หัวเราะ) แค่รู้สึกว่าคนนี้หล่อ ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาจะรู้จักกัน ก็จะค่อยๆ คุยไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ต้องไปถามแม่อยู่ดี บางทีพามาเจอพ่อกับแม่ แม่จะไม่ทันเขา แต่พ่อจะทัน พ่อก็จะถามคบคนนี้เหรอ ระวังหน่อยแล้วกัน แต่ถ้าคนที่ใช่จริงๆ พ่อจะไม่ยุ่ง แถมชวนกินเบียร์ด้วยซ้ำ ซึ่งคนที่เข้ามาก็มีทั้งคนในวงการและนอกวงการ แต่นอกวงการส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจการทำงานของเรา จะเป็นเพื่อนของเพื่อน ส่วนคนข้างในวงการจะน้อย ส่วนใหญ่มีแฟนกันหมดแล้ว แค่เขาไม่บอก (หัวเราะ)”

สำหรับมุมมองความรัก ‘โบว์-เมลดา’ แง้มว่า “ถ้าในหนัง ‘รักไม่เป็นภาษา’ เราจะใช้ใจคุยกัน ของหนูถ้ามันมีความรู้สึกที่แปลกเหมือนในละคร ถ้าเจอความรู้สึกแบบนั้น เราจะรู้สึกว่าคนนี้ใช่ ถ้ามองตากันแล้วถูกดึงเข้าหากัน แล้วคนรอบข้างหาย แสดงว่าคนนั้นอะใช่ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่ตอนนั้นยังเด็กมาก”

“ส่วนตอนนี้ขอมีเพื่อนไปเรื่อยๆ ก่อน ยังอยากเรียนอีก 5 วิชาสุดท้ายให้จบก่อน มันยากมาก อยากนั่งอ่านหนังสืออยู่บ้าน หมกมุ่นกับเรื่องเรียนและเรื่องทำงานก่อนค่ะ” โบว์กล่าวทิ้งท้าย