Inside Dara
‘ชมพู่’ มีวันนี้ได้...เพราะรักดี

เป็นนางเอกแถวหน้าของเมืองไทยที่มีความสามารถครบสูตร สำหรับ สาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต จนหลายคนอิจฉา แต่เจ้าตัวก็เอ่ยปากว่า 14 ปีที่ผ่านมาในวงการ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ วันนี้ เลยขอนัดพูดคุยกับเธออีกครั้ง ทั้งเรื่องงาน ความรัก ครอบครัว รวมไปถึงบทบาทครั้งใหม่กับละครเวที “เรยา เดอะมิวสิคัล”

เป็นยังไงบ้างกับละครเวที “เรยา เดอะมิวสิคัล”?

“ตอนนี้อยู่โรงละครเกือบทุกวันเลยค่ะ ก็หนักเหมือนกัน เลิกดึกเกือบทุกวัน แต่โชคดีที่ช่วงนี้เราตัดอย่างอื่นไป ชีวิตเลยยังบาลานซ์ได้อยู่ ยังมีเวลาพักผ่อน เพราะเรื่องนอนสำคัญ ชมพยายามนอนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือมันก็เหนื่อยแค่ตอนเล่น แต่พอตื่นเช้าวันใหม่ก็อยากมาเล่นอีกแล้ว คือ ณ เวลานี้ก็ยังมีเรื่องกังวลอยู่บ้างค่ะ เพราะว่าเราอยู่โรงละครทั้งวัน แอร์เย็นมาก ฝุ่นเยอะ บางทีอากาศมันไม่ถ่ายเท อะไรอย่างนี้ ก็จะโด๊ปทุกอย่าง อะไรที่เขาบอกว่าดี เพราะกลัวเป็นหวัด แต่ก็คุ้มนะ ชมมีความสุขที่ได้ทำ มันเป็นอะไรที่ท้าทาย มันก็ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ คือเรารู้อยู่แล้วว่าเราสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวิจารณ์ แต่เราชอบเสี่ยงนิด ๆ ถ้าเราเพลย์เซฟตลอดชีวิตมันก็อยู่แค่นั้น ชมคิดอย่างนี้นะ ก็ลุ้น ๆ ดี เรามานั่งทบทวนคิดไปคิดมา คิดว่าถ้าไม่เล่นครั้งนี้ ใครจะเอาเราไปเล่น”

คนดูค่อนข้างคาดหวัง เพราะเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์แซบมาก?

“คาดหวังเหรอ (หัวเราะ) อย่าคาดหวังสิ มันคงไม่ได้มีฉากอะไรแบบนั้นเยอะแยะ เพราะมันคือละครเวที ที่ต้องจบภายในสองชั่วโมง แต่เรื่องความเข้มข้นของเนื้อหามีแน่นอน แต่พอมันมาเป็นละครเวทีปุ๊บเนี่ย ฉากบางฉากมันถูกตัดออกไป แต่ความรู้สึกหรือภูมิหลังของตัวละครจะถูกซ่อนในไดอะล็อก ในคำพูด แม้แต่ในเพลง ชมเองก็กดดันตัวเองประมาณหนึ่งนะ เพราะว่าดูคนอื่นร้องซิ (หัวเราะ) เราก็ใส่ใจและใส่พลังเยอะพอสมควร เพราะรู้ว่าเรื่องร้องเราเป็นจุดด้อยที่สู้เพื่อนไม่ได้ แต่เราต้องร้องเยอะกว่า ต้องพูดเยอะ ยิ่งต้องตั้งใจใส่พลังลงไปมาก ๆ อยากให้มาให้กำลังใจชมกันเยอะ ๆ ค่ะ มาเอาใจช่วยชมหน่อยนะคะ จะแสดงที่โรงละครอักษรา ทุก ๆ วันศุกร์-อาทิตย์ ถึง 7 ต.ค.นี้ค่ะ”

เห็นมีข่าวว่าพี่น็อตเหมารอบ?

“คือเดี๋ยวจะมีรอบที่ครอบครัวซื้อตั๋วมาดูกันต่างหาก แล้วก็มีรอบที่ทางบริษัทเรเซอร์ซื้อให้ลูกค้าด้วย แต่ไม่ได้ถึงกับเหมาค่ะ แต่คือก็ซื้อเยอะ แต่ไม่ได้ถึงกับ 600 ที่นั่งขนาดนั้น”

ช่วงนี้น็อตให้กำลังใจยังไงบ้าง?

“ไม่ได้ให้ยังไงค่ะ (หัวเราะ) เราต้องคอยถาม “พี่...ชมเหนื่อย พี่รู้ไหม...ชมเหนื่อยมาก” (เสียงสูง) เขาก็จะ “อ๋อ...พี่รู้ ๆ” แต่ก็ไม่มีส่งอะไรมาบำรุงเป็นพิเศษหรอกค่ะ จะมีชวนกินข้าวบ้าง เลิกงานดึก ๆ ก็จะชวนกิน เราก็จะบอกว่าไม่กินแล้ว ดึกแล้ว อ้วน ก็บอกเขาว่าเดี๋ยวรอเสร็จงานนี้แล้วเจอกัน”

งานในวงการทำมาหมดแล้ว ทั้งเล่นละคร เล่นหนัง ละครเวที มีอะไรที่อยากจะทำอีก?

“ยังไม่ได้คิดนะ ละครเวทีก็ติดใจ หนังดี ๆ ก็อยากเล่น แต่ทั้งนี้อยู่ที่บทและเวลาด้วย สำหรับงานอื่น ๆ ตอนนี้ชมกำลังถ่ายทำเรื่อง “คุณสามี (กำมะลอ) ที่รัก” แล้วก็ปลายปีจะเปิดกล้องอีกสองเรื่องคือ “บุพเพสันนิวาส” กับ “ทรายสีเพลิง” ส่วนงานหนังตอนนี้กำลังคุย ชมกับอนันดากับโดนัท ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม แต่เขาก็อัพเดทตลอด ว่างเสร็จจากตรงนี้ก็คงไปนั่งคุยกันค่ะ เป็นหนังรัก ก็อยากลองค่ะ แต่คืออนันดาเขาก็ยังไม่คอนเฟิร์มนะว่าจะเล่นหรือเปล่า เพราะเขาเองก็ทั้งเขียนบทและกำกับด้วย เลยไม่แน่ใจว่าจะแยกร่างออกมาเล่นได้หรือเปล่า ชมก็บอกว่า เอ๊ย...ถ้าไม่ใช่เธอ ฉันก็ต้องพิจารณาอีกทีนะว่าเป็นใคร (หัวเราะ)”

อย่างปีนี้ชมงานเยอะมากเลย แต่ดาราบางคนอาจจะกลัวหน้าช้ำ เรามีมุมมองเรื่องนี้ยังไง?

“ไม่รู้นะ สำหรับชมคือถ้ามันเป็นงานที่ดี เรารู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดี ท้าทาย เราจะปล่อยไปให้คนอื่นทำเหรอ ถ้าโอกาสอยู่ข้างหน้าเรา เราก็ทำไม่คิดว่าช้ำหรือว่าไม่ช้ำ คือทุกงานมันก็มีที่มาที่ไป เราก็รับไม่ได้สะเปะสะปะขนาดนั้น”

วางแผนกับงานในวงการยังไงบ้าง?

“ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อย ๆ เก็บตังค์ไปก่อนค่ะ ถ้าเรามีความมั่นคงทางการเงิน พอใจในเรื่องของสตางค์ เราก็เลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ทำอะไรตามใจตามความชอบของเราจริง ๆ ต่อไประยะยาวก็ยังอยากจะแหย่ขาไว้อยู่นะคะ แต่คงไม่ได้วิ่งงานเป็นวัลลี 7 วันแบบนี้ เราก็อยากจะมีชีวิตพาร์ทอื่น ๆ แต่เสน่ห์ของวงการมันก็มีแหละ ถ้ามีบทดี ๆ ท้าทายก็อยากเล่น แต่ถ้าวันหนึ่งเราอายุ 45 ยังอยากจะเป็นนางเอกอยู่เหรอ ถูกไหม เมื่อถึงเวลามันก็ต้องไป แต่ถ้าบทท้าทายทำให้เรามีความสุขก็เล่น”

เห็นว่าหลังละครเวทีจะไปเที่ยวพักผ่อน?

“อาจจะไป 3-4 วัน ไปใกล้ ๆ อะไรอย่างนี้ เดี๋ยวเอาไว้ดูอีกทีใกล้ ๆ ค่ะ ต้องดูก่อนว่าว่างติดกันกี่วัน แต่ไปแน่ ๆ ถ้าพี่น็อตว่างอยากจะตามมาก็ได้ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่รอ (หัวเราะ) เพราะฉันต้องการไปมาก (ลากเสียง) เพราะว่าปีนี้ชมไม่ได้หยุด ไม่ได้พักเลย ยิ่งช่วงที่คุณพ่อไม่สบายก็ไม่ได้ไปไหนเลย แต่ช่วงนี้ทุกอย่างก็ดูดีขึ้น เลยคิดว่าควรจะพักได้บ้าง”

คู่รักหลาย ๆ คู่ในวงการจะอ้างว่าไม่มีเวลา ชมก็งานยุ่ง น็อตก็ยุ่ง มีวิธีคุยกันยังไง?

“ชมว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจค่ะ บางทีถ้าไม่มีเวลา เราต้องไม่ละเลยด้วยไงว่ามีอีกคนอยู่ แต่บางทีเราไปโฟกัสเรื่องอื่น ก็ลืมว่ายังมีเขานะ แล้วอีกประเภทหนึ่งก็คือไม่มีเวลาแล้วระแวงว่า ตอนนี้ฉันทำงานเค้าทำอะไรอยู่ ไม่เจอกันนาน ๆ เค้าแอบไปเจอใครหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ชมไม่เป็นค่ะ มันอยู่ที่ความเข้าใจ ความไว้ใจ”

เจอทีไรคนก็จะถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งสักที?

“คำตอบก็คือยัง (หัวเราะ) อีกนิดหนึ่งค่ะ ขอทำงานไปก่อน ปีหน้าก็ยังมั้ง (เสียงสูง) เรายังไม่ได้คุยกันจริงจัง ยังสนุกอยู่ ชมว่ามันไม่ค่อยสำคัญ สำหรับชมนะ ชมว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่า เรายังมีเวลาอีกนานที่จะอยู่ด้วยกันที่จะอยู่อย่างนี้ แต่งก็รักกันเท่าเดิม ถามว่าพี่น็อตอยากแต่งไหม เขาก็อยากมีครอบครัว ชมก็อยากมีครอบครัว แต่ว่าไม่รีบ (หัวเราะ) เขาก็เข้าใจ ผู้ใหญ่ก็เข้าใจ แต่ว่าหัวอกผู้ใหญ่ก็คงอยากเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝาแหละค่ะ”

แต่ก็มีข่าวออกมาเรื่อย ๆ ว่าไปซื้อที่ตรงโน้นตรงนี้ เตรียมทำเรือนหอ?

“เรื่องเรือนหอยังไม่เคยขับรถไปดูที่ไหนเลย เคยแต่พูดกันว่าเราขับรถไปดูตรงนั้น ตรงนี้ดีไหม แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยไปดู แต่เอา จริง ๆ คือชมอยากอยู่ในเมือง เพราะว่าศูนย์กลางชีวิตเราอยู่ตรงนี้ เราทำทุกอย่างที่นี่ ซื้อข้าว ซื้อของ เสริมสวย อะไรต่ออะไรก็แถวนี้หมด เลยไม่อยากไปไกลมาก ต่อไปมีลูกก็คงต้องเรียนในเมือง ไปไหนไกลไม่ได้ อย่างพี่น็อตเองเขาก็ชอบอยู่ในเมืองนะ แต่ว่าโรงงานจะอยู่นอกเมือง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นทุกวันอยู่แล้ว”

คนภายนอกจะมองชมพู่ลัคกี้อินเลิฟ ลัคกี้อินเกม?

“ชมไม่ได้ลัคกี้หรอกค่ะ แต่เราเวิร์กฮาร์ดเราถึงได้มา กว่าชมจะมาถึงวันนี้มันก็ไม่ได้ง่ายค่ะ ชมผ่านอะไรมาเยอะ คือคนจะมองแต่วันนี้ไง แต่ลืมมองเมื่อวาน ปีที่แล้ว หลายปีก่อน ว่าเราผ่านอะไรมา”

สุขภาพคุณพ่อตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ก็โอเคค่ะ ดีขึ้นเยอะเหมือนกันค่ะ ประคับประคองกันไปเรื่อย ๆ แต่เขากำลังใจดี แต่คือหน้าที่ดูแลก็คงเป็นของคุณแม่ แล้วก็พยาบาล ชมแค่ไปหา ไปคุยด้วย ไปฟังแกบ่น อะไรอย่างนี้ ตามใจแกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ปีนี้มีวลีเด็ด ขอบคุณครอบครัวที่สอนให้ชมรักดี?

“ชมรู้สึกว่าในที่สุดวันนี้มันก็มาถึงนะ เวลาของเรา ชมเป็นคนเชื่อในการทำความดี ว่าทำดีไปเหอะ มันอาจจะใช้เวลา 14 ปี ก็ได้ แต่สักวันหนึ่งผลของมันต้องออกมา คือบางคนอาจจะเลือกวิธีซิกแซ็ก เพื่อให้ได้สิ่งที่เราได้มา อาจจะเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง คือชมไม่ได้พูดถึงเรื่องการแสดงนะ แต่พูดถึงทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ วงการ ชมเชื่อว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนมันรักดี มันก็ต้องใฝ่ดี แล้วมันจะกำหนดพฤติกรรมของเรา ไปในทิศทางที่มันดีเอง ทางมันอาจจะไกลหน่อย แต่มันต้องมาถึง แล้วก็ต้องมีความเป็นนักสู้ด้วย ซึ่งตรงนี้ชมคงได้จากแม่ จริง ๆ ชมเป็นนักสู้มาก แต่สู้แบบเงียบ ๆ นะ เราก็สู้ในแบบของเรา”

ทุกวันนี้ สำหรับชมพู่-อารยา เงินสำคัญไหม?

“คำว่าพอของแต่ละคนไม่เท่ากันเนอะ ยิ่งตอนที่พ่อป่วย ชมรู้เลยว่าเงินสำคัญ เงินมันทำให้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ ชมมานั่งคิดว่าถ้าเป็นคนที่ไม่มีเงินเขาจะทำยังไง เอาเป็นว่าในเมื่อมันไม่เท่าเทียม แค่ให้เรามีที่อยู่ ที่นอนให้มันสะอาด ซุกหัวนอนได้ มีกินสามมื้อ มีเงินสำรองเวลาเจ็บไข้ มีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ ณ วันนี้ ชมว่ามาตรฐานชีวิตชมก็โอเคแล้วค่ะ”

เด็ก ๆ หลายคนเอา ชมพู่-อารยา เป็นไอดอล?

“ชมว่าชมก็เป็นคนธรรมดานะคะ ที่มีผิดพลั้ง ผิดพลาดได้เหมือนกัน เลยอยากให้ทุกคนเรียนรู้จากสิ่งที่ชมทำแล้วผิดพลาดด้วย และสิ่งที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ จะมองเราอยู่ก็ได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าจะศึกษาชีวิตเราและทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น”

เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไม “ชมพู่-อารยา” ถึงเดินมาไกลได้ถึงขนาดนี้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การเชื่อในการทำความดี...