Inside Dara
'ปราง-กัญญ์ณรัณ' กดดัน"นางเอก" ค้ำคอ...จ่อแก้บน ย้ำสถานะหัวใจโสดสนิท ไม่ขวนขวายหา"รักใหม่"

ไม่ได้สวยเล่นๆ ฝีมือการแสดงก็ไม่ธรรมดา จากบทนางร้าย นางรอง ก้าวสู่การเป็น “นางเอกป้ายแดง” ครั้งแรก สำหรับ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล นางเอกสาวตาคม จากซีรีส์ดัง The Cupids บริษัทรักอุตลุด ตอน “กามเทพจำแลง” ทางช่อง 3 ประกบคู่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ พระเอกหนุ่มแก๊ง “ตั๊กไลฟ์” ความฟินปะทะความฮาปะทุจอจนถูกจับตามอง “คู่จิ้น”

งานนี้ “คนดังนั่งคุย” คว้า นางเอกเจ้าเสน่ห์ มาล้วงลึกถึงก้นบึ้ง กว่าจะเป็น “นางเอก” ไม่เคยยึดติดแต่ชีวิตนอกจอยังเป็น “นางซิน” ภายใต้กฎเหล็กของ “คุณแม่” หากไม่เจอ “คนที่ใช่” ห้ามขับรถมาส่งบ้าน บร๊ะเจ้า....า !!

กระแสละคร กามเทพจำแลง ออกอากาศไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

“กว่าละครจะออกอากาศก็ตื่นเต้น เพราะว่าเราได้ดูทุกคู่แล้วเราก็ได้เป็นคู่หลังๆ ที่ผ่านมาคือทุกคู่เขาก็ออกมาดี เป็นความรักในหลายๆรูปแบบ ซึ่งคนดูก็ติดตามเป็นฐานอยู่แล้ว เรื่องซีรีส์คิวปิดเนี่ย แฟนๆก็มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นมาถึงเรื่องของเรา เราก็อยากจะให้มันดีขึ้นไปอีก เราเลยมีความกดดันนิดๆ ก็ไม่ได้อยากเอาความกดดันมากดดันตัวเอง ดังนั้นเราจึงทำให้ดีที่สุด”

ดูตัวเองเล่นแล้วเป็นไง?

“อุ้ย...เเม่ชีมาก เราก็ลุ้นด้วยว่าคนจะอินกับคาแรกเตอร์มั้ย อยากให้ตัวพริมาเป็นผู้หญิงทั่วไปที่แต่งตัวทำผมสวยปกติแต่ว่ามีธรรมะในใจ ไม่ใช่นุ่งขาวห่มขาวตลอดเวลา” ทุกคนจะเรียกแม่ชีแฮปปี้มั้ย “ใช่ อันนี้ก็ต้องรับฟังคอมเมนต์ของทุกคนอยู่แล้ว เพราะเราไม่รู้ว่ามันออกมาจะเป็นอย่างไร เราตั้งใจตีความให้เป็นแบบนั้น”

ปรับตัวเองมากแค่ไหน

“ค่อนข้างเยอะเลย ปรางไม่ใช่คนธรรมะธัมโมขนาดนั้น ชอบทำบุญ ชอบทำกิจกรรมหาเงินไปช่วยเหลือเด็ก แต่ไม่ใช่สายที่จะไปเดินจงกรมในวัด อันนี้มันไม่ใช่ แต่พริมาเขาเป็นแบบนั้น สวดมนต์ได้บ้าง แต่พอมาในเรื่องของภาษาบาลีเป็นคำสอนที่ต้องสอนพระเอก ดังนั้นยาก เราเลยต้องทำการบ้านทั้งหมดที่ต้องพูดในเรื่องให้ธรรมชาติมากที่สุด”

เป็นนางเอกเรื่องแรกมีความกดดันมั้ย?

“มีความกดดันอยู่แล้ว ตั้งใจทำเต็มที่อยู่แล้ว โอกาสมันมาแล้ว เราอยากทำให้เห็นว่าเราทำได้ มีคนให้กำลังใจเราเยอะมาก กำลังใจพวกนี้เราทำให้ความกดดันตรงนี้หายไป กลายเป็นว่าคำแนะนำ”

บรรดานางเอกคิวปิด ปรางมีประสบการณ์น้อยที่สุด

“ใช่ เราอยากจะบอกกับคนทั้งประเทศว่า ช่วยให้โอกาสปรางเถอะ ช่วยเปิดทีวีดู ปรางทำเต็มที่มาก ปรางทุ่มเต็มที่มาก ถึงแม้ว่ามองไปที่นางเอกทุกคนแล้วอาจจะยังไม่คิดถึงเราขึ้นมา เพราะปรางยังไม่เคยเป็นนางเอก”

เสียใจมั้ยที่คนติดภาพเป็นนางร้าย-นางรอง

“เวลาอ่านอะไรแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติ เป็นความรู้สึก ก็ต้องรู้สึกอยู่แล้ว เราต้องเอาคำเหล่านั้นมาปรับใช้ เราก็ต้องทำเต็มที่ เราจะมาท้อไม่ได้”

พอเราเป็นนางเอก คำคำนี้มันจะค้ำคอ มีผลกับงานเรื่องต่อๆไปมั้ย

“อันนี้ไม่ได้ซีเรียสเลย มีคนสอนปรางว่า ทุกตัวละครมันสำคัญหมด ไม่ใช่แค่พระเอก-นางเอก แล้วปรางไม่ได้ยึดติดจะต้องเป็นนางเอกไปตลอด เมื่อก่อนจนถึงวันนี้ ปรางว่าการที่เราโตมาทีละสเต็ป ทำให้เราเข้าใจในทุกสเต็ป ถ้าวันนึงกลับไปเป็นนางรองหรือเป็นบทอะไร เราเองก็ไม่ได้เสียใจเพราะเรามาจากจุดนั้นมาก่อน ในเมื่อเราเคยโด่งดังมาจากบทนั้นแล้ว ทำไมถึงต้องเสียใจที่ต้องกลับไปรับบทนั้นอีก”

ร่วมงานกับอาเล็กเป็นยังไงบ้าง

“ปรางกับอาเล็กเป็นเพื่อนกันมาอยู่แล้ว ก็เคยคุยกันอยากร่วมงานกัน ถ้าได้ร่วมงานกันคงดี แต่ว่าโอกาสยังไม่มา แต่อยู่ดีๆ ปรากฏว่า อ้าวได้เล่นด้วยกัน โอ้โห วุ่นวายมาก (หัวเราะ) อย่างที่ ทุกคนรู้อาเล็กเป็นคนขี้แกล้ง ถ้าถามว่าสนุกไหม สนุกมากค่ะ ยิ่งเป็นละครคอมเมดี้ ยิ่งเหมาะกับเค้า”

มีฉากอาเล็กที่ต้องถอดเสื้อโชว์หุ่น เกิดอะไรขึ้นเล่าให้ฟังหน่อยสิ?

“เขาเป็นห่วงกับซิกซ์แพ็กเขามาก ไม่ยอมกินข้าวเลย อันนี้ไม่แปลก แต่อาเล็กถึงขั้นไม่ดื่มน้ำด้วย ปรางก็บอกว่าจิบน้ำมั้ย เพราะอากาศมันร้อนมาก เค้าก็ไม่ เขาจริงจังมาก ดังนั้นดูซิกซ์แพ็กเขาเถอะค่ะ (หัวเราะ)”

ในเรื่องนี้เราเองก็แอบเซ็กซี่ใส่ชุดว่ายน้ำเหมือนกัน?

“ใช่ค่ะ ตอนรับบท เอ๊ะ เป็นแม่ชีคงแต่งตัวเรียบร้อยอะไรแบบนี้ แต่ใส่ชุดว่ายน้ำด้วย ใส่ 2 รอบ ปรางก็ตายละ ไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำ ปกติไปเที่ยวปรางก็ไม่เคยใส่แบบนี้ อาจจะเป็นกางเกงน่ารักๆ แล้วก็ที่สำคัญถึงจะสนิทกับอาเล็กมาก ปรางก็ไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำแล้วให้อาเล็กดู นางก็แซวนู่นนี่นั่น ปรางตั้งใจหลับตาวิ่งให้เทกเดียวผ่าน แต่ว่าความเป็นจริงหลายเทกเหมือนกัน อาเล็กเขาเป็นสุภาพบุรุษก็ฉากนี้แหละ ตอนแรกก็พูดแกล้ง ปรางเล่นๆไปเถอะน่า มันโอเคๆ ปรางก็บอกว่า มันไม่โอเค ปรางเขินมาก พอถ่ายจริงๆ เขาก็มากระซิบข้างหูว่าเดี๋ยวเล็กดูให้ ให้ยืนตรงนี้นะบังมิดเลย มีความเป็นพระเอกอยู่ลึกๆ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็จะว่าปราง “เป็นนางเอกเรื่องแรกนะเนี่ย ไม่ทุ่มเทเลย” แซวเราทุกเรื่อง”

ยิ่งสนิทกันมากๆ เวลาสวีตกันรอดมั้ย

“ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่ใช่แบบเราจะเคยมานั่งหอมแก้มกัน เอาหน้ามาใกล้ๆกันขนาดนั้น เรื่องนี้เป็นแม่ชีแต่ว่าฉากเลิฟซีนเยอะมาก เกือบจูบกันหลายครั้ง แต่มีจูบกันจริงๆ เป็นพระเอกคนแรกที่เสียจูบ (หัวเราะ) อาเล็กก็บอกว่าไม่เคยเล่นจูบกับใครจริงแบบนี้ เราก็บอกแหม้ อันนี้เราต้องเป็นคนพูดมั้ย? (หัวเราะ) เขาก็จะบอกว่า ปรางเล่นๆไปเถอะ เป็นนางเอกเรื่องแรกทุ่มเทหน่อย”

ร่วมงานอาเล็กเรื่องแรกก็เจอประเด็นร้อนมือที่ 3 (อาเล็ก-จอย-รินลณี) เลย

“พูดตรงๆว่าต่างคนก็ต่างเครียดเหมือนกัน อยู่ดีๆก็มีข่าวออกมาว่าเราเป็นมือที่ 3 ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรของเขาเลย ไม่รู้เรื่องเขาจริงๆ รู้แค่ว่าเรามาถ่ายละครกัน จนกระทั่งมีข่าวขึ้นมาก็ยังไม่มีโอกาส ไม่ได้โทร.ไปถามข่าวเค้า กลายเป็นว่าอาจจะเป็นปรางก็ได้นะ ทุกคนก็มาตั้งประเด็นว่า อาเล็กถ่ายรูปให้ ทำเค้กให้อาเล็ก ช่วงนั้นเป็นวันเกิดเค้าพอดีก็ไปกดแชร์เฟซบุ๊กประเด็นนั้นคือพีคมากที่สุดในชีวิตหนู ทุกวันนี้ที่เห็นข่าวเราก็ยังตอบเหมือนเดิม มันยังไม่รู้ หาสาเหตุไม่ได้เลยทำไมเป็นแบบนั้น แต่นั่นมันก็เฟซบุ๊กของปรางจริงๆ เราก็ไม่รู้จะไปหาความจริงยังไง เราถูกเเฮกมั้ย? คือเราไม่ได้กดเเชร์ข่าวนี้แน่นอน ปรางได้แต่พูดความจริง ความจริงคือความจริงว่าปรางและอาเล็กเป็นเพื่อนกันจริงๆ ตอนนั้นเจอคนด่า โดนหนักมาก เห็นข่าวพ่อแม่เครียดเลย”

ตั้งรับกับข่าวที่เป็นเชิงลบยังไง?

“ตอนนั้นมันเซเหมือนกันนะ ตกใจไม่เคยเจอ เคยเห็นแต่คนอื่น เจอกับตัวเราเข้าใจแล้ว คนรอบข้างให้กำลังใจ ต้องอดทน”

ตอนนี้ละครออกมาค่อยๆ มีกระแสคู่จิ้นจะมีลุ้นจิ้นนอกจอมั้ย?

“ทั้งปรางและอาเล็กตั้งใจมาก อยากให้อินตัวละคร พริมา กับเควิน ถ้าอยากจะจิ้นได้เลย ให้จิ้นในละครดีกว่า เพราะในความเป็นจริงเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ชีวิตจริงปรางคงทนอาเล็กว่าหนูทุกวันไม่ได้หรอกค่ะ” ต้องสู้สิ ยอมได้ยังไง “สู้แล้วแต่สู้ไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ) ปรางไม่ใช่คนหงิมๆ แบบเรียบร้อยให้เค้ามาว่า ปรางก็สู้แล้วแต่ปรางเหนื่อย (ยิ้ม)” วันก่อนอาเล็กไปเป็นเด็กวัดพระเกรท วรินทรมา เห็นเราเข้าไปกดไลค์ “ก็ดีแล้วค่ะ บุญจะได้ส่งละครเราดีเข้าไปอีก” ก่อนละครออกอากาศมีไปขอพรที่ไหนบ้าง? “ไปพม่าค่ะ ไปกับพี่ปั้นจั่น เพราะเขาก็พระเอกเรื่องแรก ปรางเป็นนางเอกเรื่องแรกเหมือนกัน เราก็ไปด้วยกัน กลับมาพี่ปั้นจั่นประสบความสำเร็จมาก ก็ต้องกลับไปแก้บน ต้องรีบไปเดี๋ยวท่านจะพิโรธ (โกรธ)”

เข้าวงการมา 6-7 ปี ชีวิตเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?

“โลกเรามันกว้างขึ้น โตขึ้น คือทางบ้านเราก็จะเลี้ยงมาตามกรอบที่วางไว้ แบบตั้งใจเรียนทำกิจกรรมกลับบ้านไม่ได้อะไรมาก ดังนั้นการที่เรามาเป็นตัวละครทำให้เราเจออะไรหลายอย่างมาก มันก็ดี มันหลากหลายกับชีวิตมันคือชีวิตจริงที่ต้องเรียนรู้มัน แต่ถามว่าเปลี่ยนมั้ย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังอยู่กับที่บ้าน โตขึ้นแค่มุมมอง การใช้ชีวิตก็เหมือนเดิม ทางคุณแม่ก็ยังมีกฎระเบียบเหมือนเดิม อย่างเช่นเรื่องแฟน แม่พูดเลยว่า ถ้าไม่ใช่ ที่เราจริงจังก็ไม่ต้องมาส่งที่บ้าน ขับรถมาส่งก็ไม่ได้ ติดกล้องวงจรปิดเลย (หัวเราะ) เมื่อก่อนเพื่อนจะแซวเป็นซินเดอเรลล่า คือต้องเหยียบบ้านก่อนเที่ยงคืน ถ้าไปปาร์ตี้กับเพื่อน พอ 4 ทุ่ม แม่ก็เริ่มทักไลน์มาแล้วค่ะ เราเองก็ไม่ได้จะมีอะไรปิดบังแม่อยู่แล้วแต่เหมือนเราโตแล้ว”

เรื่องการใช้เงิน?

“เราก็จะไปบ่นกับเพื่อน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงิน เพื่อนก็จะบอกโม้รึเปล่า? คือเงินก้อนเราไม่เคยแตะ เวลารับเช็คเป็นชื่อเราก็จริง เงินเข้าบัญชีปั๊บ เค้าจะถอนออกเลย เข้าอีกบัญชีที่เป็นชื่อแม่กับชื่อปราง จะได้ใช้เงินจากงานเล็กๆ น้อยๆ 5 พัน-หมื่นนึง อยากได้อะไรก็ ขอยืมแม่แล้วคืน”

ถือว่าชีวิตเราอยู่ในกรอบ?

“คือแม่ก็เป็นแบบนี้ เราก็ไม่ได้อยากอยู่ในกรอบมากแต่ก็ทำเพื่อความสบาย ใจของแม่ ถ้าแม่ ไม่สบายใจทุกอย่างก็ตึงเครียดไปหมด อะไรที่เราทำได้ก็ทำ คุณพ่อท่านจะใจดีกว่า”

หลายๆคนพอเจองานดี แต่ความรักไม่สมหวัง

“คือเราไม่ได้ขวนขวายหลังจากที่เราเลิกกับคนเก่าไป เลิกไปครึ่งปี ก็ยังไม่อยากไปสู่จุดเดิม เข้ามาทำความรู้จักกันได้แต่ยังไม่เจอใครที่เราอยากทุ่มเทเวลาให้ขนาดนี้ ตอนนี้อยากจะทุ่มเทให้งานมากกว่า มันเลยยังไม่เจอใคร คือไม่มีแฟนก็ไม่เป็นไร ปรางไม่ได้มองว่าความรักเป็นเรื่องแย่มาก พอเราโตขึ้นเราก็รู้จักรักตัวเองว่าอะไรที่เราต้องการในชีวิตที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเราจริงๆ ไม่ใช่แค่ป๊อปปี้เลิฟในวัยเด็ก โตขึ้นก็จะมองหลายๆอย่าง เรื่องของอนาคต เรื่องของครอบครัวเขามาเกี่ยวด้วย”

ยิ่งโตสเปกยิ่งสูงขึ้น

“ที่บอกว่าสูงขึ้นคือหน้าที่การงานที่เราต้องเข้ากันได้ ไม่ได้มองว่าต้องเป็นนักธุรกิจร่ำรวย แต่เขาต้องดูแลเราได้ ครอบครัวเราได้อยู่ด้วยกันมีความสุข เขาต้องรับอาชีพของเราได้ด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาคบผู้หญิงเล่นละครที่มีฉากเลิฟ ซีน เขาต้องเข้าใจอาชีพเราด้วย ต้องรักครอบครัวเราด้วย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเข้ากันได้ ซึ่งปรางว่ามันก็หายากแล้วเนาะ”

เป้าหมายชีวิตตอนนี้?

“เมื่อเล่นละคร 2-3 เรื่องก็ยังไม่เห็นเป้าหมาย ยังอยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากไปทำสิ่งที่รัก พอได้เล่นละครก็มีละครต่อมาเรื่อยๆ เลยทำให้ไม่ ได้ทำในจุดนั้น ยิ่งทำเราก็ยิ่งมองเห็นเสน่ห์ของมันมาเรื่อยๆ เด็กๆ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักแสดง เราชอบทำกิจกรรม ร้องเพลง เรียนดนตรี เล่นไวโอลิน เรียนเต้น และเรารักการเรียนมาก เราทำได้ดีเราก็อยากทำตรงด้านนั้น มันมีเสน่ห์มากมาย ตื่นมาวันนี้เราเล่นเป็นใครก็ไม่รู้ พรุ่งนี้เราเป็นใครก็ไม่รู้ ปรางว่ามันหาจากที่ไหนไม่ได้เลย ประสบการณ์แบบนี้ถึงแม้จะมีด้านบวกด้านลบก็ตาม มันก็คือชีวิต ไม่มีอะไรสวยงาม นี่ล่ะคือสิ่งที่จะทำให้เราตื่นเต้นไปตลอดชีวิตเราได้ ก็เลยค้นพบคำถามว่านี่ล่ะอาจเป็นอาชีพที่เรามองหาแต่เรามองข้ามมันไป”.