Inside Dara
เลิกผู้ชายแล้วไง?!? สวย สตรองก็แล้วกัน!!ิ

เรื่องความรักมักไม่เข้าใครออกใครเสมอ วันนี้ยังรัก แต่พรุ่งนี้อาจจะไม่รักแล้ว ใครจะรู้ ความรักจึงกลายเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ แม้แต่คู่รักที่รักกันมานานหวานชื่นกันมาตลอด แต่อยู่ๆ ก็เลิกกันซะงั้น ทำเอาคนรอบข้างงงงวยกันไปก็หลายคู่ แม้จะรู้สึกเสียดายเสียใจกับเรื่องพวกนี้แค่ไหน แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องสตองผ่านมันไปให้ได้ คนนี้ไม่รักเรา เดี๋ยวก็มีคนใหม่มารักเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แค่จะเสียใจอยู่ช่วงเดียว ถ้าทำใจได้ ก็แค่สลัดคราบน้ำตาแล้วลุกขึ้นยิ้มให้เรื่องร้ายๆ แบบสวยๆ แล้วเดินข้ามผ่านมันมาให้ได้เท่านั้นเอง อย่างคนในวงการบันเทิงก็เช่นกัน พวกเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเราๆ ขนาดคนสวยๆ ยังผิดหวังเรื่องความรักได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราคนธรรมดา พวกเธอสามารถลอยตัวเหนือความเศร้า แล้วลุกขึ้นมาแบบสวยๆ เดินหน้าต่อไปอย่างสตรองได้...

วุ้นเส้น วิริฒิพา แย้มนาม

เคยมีข่าวลือออกมาให้ได้ยินเป็นระลอกๆ ว่าคู่รัก ชาคริต แย้มนาม และวุ้นเส้น วิริฒิพา ขาเตียงเริ่มสั่นคลอน และความรักในระยะหลังของคู่รักดาราคู่นี้เริ่มมีปัญหา มีข่าวว่าชาคริตกลับไปร่ำสุราจนบางครั้งเมามายควบคุมสติไม่อยู่ ถึงขั้นมีข่าวลือออกมาว่ามีการลงมือลงไม้ทำร้ายร่างกายภรรยา จนกลายเป็นข่าวเม้าท์ที่ฮือฮา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทั้งชาคริตกับวุ้นเส้นก็ทยอยกันออกมาให้สัมภาษณ์ ยอมรับว่าความสัมพันธ์ฉันสามี-ภรรยามีปัญหากันจริง แต่ยังไม่หนักหนาถึงขนาดเลิกรากัน อีกทั้งข่าวลือเรื่องแยกกันอยู่นั้น ก็พูดแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนคนสนิทว่า วุ้นเส้น ชาคริต แยกกันอยู่จริงๆ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่พยายามที่จะหันมากระชับความสัมพันธ์กันใหม่ เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้ดีดั่งเดิม เมื่อเดินทางกลับเมืองไทย ก็เหมือนกับว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

จนกระทั่งเมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนมีข่าวลืออีกว่า มีคนเห็นชาคริตควงสาวอื่นไปดูหนังรอบดึก เรื่องนี้ก็มาถึงหูของวุ้นเส้น คาดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่เริ่มดีขึ้น กลับแย่ลงไปกว่าเดิม จนถึงขั้นฝ่ายหญิงสาวตัดสินใจจบบทบาทภรรยา ด้วยการหย่าขาดกับชาคริต ภายหลังจากข่าวที่ออกมา สาววุ้นเส้นก็ได้โพสต์ไอจี พร้อมแคปชั่นภาษาอังกฤษว่า "Don’t waste with something impossible" แปลได้ความว่า "อย่าไปเสียเวลากับบางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้" จนมีการตีความไปได้ว่า วุ้นเส้นอาจจะถอดใจกับปัญหาคาราคาซังของสามี จนหมดความอดทนจึงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป จึงตัดสินใจหย่าซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

จากนั้นสาววุ้นเส้นก็ได้แคนเซิลงานที่มีทั้งหมดยาวไปจนถึงอาทิตย์หน้า จนหลายคนตีความไปได้ว่า อาจจะขอเวลาไปพักใจ และยังไม่พร้อมพูดหรือพร้อมจะให้ข่าวใดๆ แม้จะเจอเรื่องราวร้ายๆ แต่ในนั้นก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง ยังมีเพื่อนสาวอีกหลายคนที่คอยให้กำลังใจและเป็นห่วงเธอ และขอให้ผ่านเรื่องราวที่ไม่ดีมาได้

เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ

เมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา คำค้นหาในกูเกิล "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" นับว่าเป็นคำค้นที่เยอะที่สุด เพราะตั้งแต่มีข่าวกำลังสร้างครอบครัวกับนักการเมืองชื่อดัง เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม จนไปถึงการเลิกรากัน แบบเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ทิ้งปริศนาภาพหลุดรอยฟกช้ำตามร่างกายของเจนี่ และเรื่องราวที่ทำให้คนสงสัยเรื่องราวของ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ก็มีปรากฏให้เห็นมากมายตามโลกโซเชียล ทั้งเพจแอนตี้ การขุดเผือกขุดมันมาทั้งไร่ของบรรดาขาเผือก การวิจารณ์วิเคราะห์ราวกับตนเองเป็นโคนัน แม้จะเจอมรสุมเลวร้ายเพียงใด แต่เจ้าของเรื่องอย่างสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ก็เลือกที่จะปล่อยวาง ไม่เสพข่าวให้ความคิดตนเองเป็นพิษ โดยในงานที่เธอเจอหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังกลับไปพักรักษาใจที่อเมริกา เป็นงานแถลงข่าวละครที่เธอเล่น ซึ่งในวันนั้นมีจำนวนสื่อมวลชนมากันเยอะมาก แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า ณ เวลานั้นสภาพจิตใจของเธอเป็นอย่างไร แม้จะอยากถามคำถามในหลายๆ เรื่องที่ทุกคนอยากรู้ แต่นักข่าวทุกคนก็ไม่ถาม

ซึ่งในตอนนั้นเจนี่ก็ได้เผยแต่เพียงว่า ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ทุกๆข้อความในไอจีเจนี่ได้มีโอกาสอ่าน มันเป็นกำลังใจที่สำคัญ รวมทั้งพี่ๆ สื่อมวลชนด้วย ตอนนั้นเจนี่ไม่พร้อมจริงๆ ที่จะพูด ด้วยเพราะยังอ่อนแอ ความไม่พร้อมของหัวใจ ถึงวันนี้เจนี่ก็ยังไม่พร้อมอยู่ อะไรที่มันเป็นอดีตผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ถือว่าตอนนี้ begin again โดยขณะที่พูดคำนี้แม้จะมีน้ำตาคลอเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เห็นแต่อย่างใด มีเพียงรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ ที่พร้อมจะยิ้มสู้ในทุกสถานการณ์

และทุกวันนี้ชีวิตของเจนี่ก็มีความสุขและทุกอย่างกำลังไปได้สวยมากขึ้น ทั้งเรื่องงาน ธุรกิจ และความรัก มีหนุ่มรู้ใจที่คอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง แม้เธอจะยังไม่บอกสถานะกับ กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ ว่าคบกันในฐานะไหน แต่หลายคนก็พอรู้ และรู้ว่าเธอกำลังแฮปปี้กับสิ่งรอบตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เมื่อฟ้าหลังฝนย่อมสดใสจริงๆ

แป้ง อรจิรา แหลมวิไล

เป็นม่ายสาวสุดสตรองสำหรับสาว แป้ง อรจิรา แหลมวิไล หลังจากตัดสินใจแยกทางกับสามี ผู้กองต้อม ร.ต.อ.ทรงพันธ์ กุลดิลก เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว หลังจากแต่งงานกันได้ 2 ปีเศษ ซึ่งข่าวนี้เป็นข่าวดังเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้าเคยมีปัญหาจากเรื่องที่สาวแป้งไม่ยอมมีลูก จนเรื่องลุกลามกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ที่สุดท้ายต้องยุติลง แต่ทางผู้กองต้อมเองก็ได้ออกมาบอกว่า เป็นเพราะทัศนคติของทั้งคู่ที่ไม่ตรงกัน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่กดดันอยากอุ้มหลาน

ทางด้านสาวแป้งเอง หลังจากที่เธอโสด เธอสวยและสตรองขึ้นมาก ใช้ชีวิตไปกับการทำงานและกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอ จากการใช้ชีวิตคู่มา 2 ปีกว่า ก็ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่า "รักมาก แต่ยื้อไม่ไหว" เธอเลือกการปล่อยวาง หลังตัดสินใจเลิกสามี บ้างก็มองว่าที่ต้องเลิก เพราะ แป้ง ยังชอบปาร์ตี้ ไม่ยอมมีลูก สำหรับ แป้ง เธอยืนยัน รักที่จบไป ไม่มีมือที่ 3 เป็นเรื่องคนสองคนที่จูนกันไม่ได้ รักมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องเลิกกัน! อีกทั้งเธอยังมีนิยามความรักด้วยว่า "อะไรที่ทำให้แป้งมีความสุขได้ก็โอเคอยู่ต่อไป แต่เมื่อไหร่ที่มันทำให้เรามีความทุกข์ แป้งก็จะเป็นคนที่ก้าวออกมาแค่นั้นเอง!"

ชีวิตของเธอมาถึงจุดที่ไม่ง้อ ไม่รอรัก ไม่โฟกัสเรื่องรักจนเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแป้งกล่าวไว้ ด้วยความคิดที่ตกตะกอนว่า "อยู่คนเดียวมันก็มีความสุขดี เราอยากทำอะไรก็ทำ เราไม่ต้องไปคอยถามความคิดเห็นคนอื่น อยากไปเมืองนอกคนเดียวก็ไปได้เลย อยากไปหาเพื่อนก็ไปได้ อยู่บ้านนั่งอยู่คนเดียวก็แบบรู้สึกดีจังไม่ปวดหัว คือมันก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง ไม่ต้องเอาชีวิตตัวเราเองไปพึ่งกับใคร อีกอย่างการที่แป้งใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในทุกๆ วันที่ผ่านมาได้ มันยิ่งทำให้แป้งรู้สึกแข็งแรงมากขึ้นด้วย"

หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข

ถือเป็นคู่หวานที่ดูใจกันมานานทีเดียว สำหรับพริตตี้เงินล้านฉายาเจ้าแม่ศัลยกรรม หญิงแย้ นนทพร และหมอศัลยกรรมไฟแรง หมอสอง นพ.นพรัตน์ เจ้าของธุรกิจ รพ.ศัลยกรรมตกแต่งนพรัตน์ โดยทั้งคู่พบรักกันเมื่อครั้งที่หญิงแย้ไปฉีดโบท็อกซ์กับหมอสอง และหลังจากนั้นจึงรู้จักคบหาในฐานะพี่น้อง ก่อนจะดูใจกันในฐานะแฟนมานานกว่า 9 ปีเต็ม จนความรักสุกงอม ทั้งคู่จึงตัดสินใจเข้าพิธีหมั้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2559 และฉลองแต่งงานเมื่อ 14 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา งานนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวทุ่มสินสอดทองหมั้นรวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

แต่แล้วความรักของทั้งคู่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันและจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากทั้งคู่แต่งงานไปเพียงแค่ 3 เดือน ก็มีกระแสข่าวลือรักร้าวระหว่างหญิงแย้และหมอสอง โดยเฉพาะอินสตาแกรมของหมอสอง ก็มีข้อความทำนองว่าถ้าไม่พร้อมก็อย่าแต่งงาน ส่วนฝ่ายหญิงแย้ก็โพสต์รูปตัวเองกับเพื่อนๆ พร้อมข้อความทำนองว่าเมื่อสาวโสดมารวมกัน ซึ่งฝ่ายหญิงแย้เองก็ได้ออกมาแถลงข่าวยอมรับว่าเลิกกันจริง โดยมีสาเหตุมาจากทัศนคติและไลฟ์สไตล์ที่ไม่ตรงกัน โดยตลอดเวลาที่คบหากัน ตนปรับตัวเพื่ออีกฝ่ายเยอะมาก เพราะรักมากและอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข และตนก็เคยบอกเลิกกับฝ่ายชายแล้ว และบอกไปว่าไม่พร้อมแต่งงาน แต่เป็นฝ่ายชายเองที่พูดจาหว่านล้อมให้ตนใจอ่อน อีกทั้ง ฝ่ายชายปล่อยคลิปขอแต่งงาน ตนจึงยอมเพราะความรักที่มีต่อเขา แต่สุดท้ายก็ต้องปิดฉากรักกลับมาเป็นตัวเองเหมือนเดิม พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีมือที่ 3 และไม่มีปัญหาเรื่องเข้ากับครอบครัวฝ่ายชายไม่ได้ แต่ฝ่ายหมอสองเองก็ออกมาตอบโต้ว่าไม่เคยบังคับฝ่ายหญิง เพียงแต่ขอให้อย่ากลับบ้านดึก สังสรรค์ให้ลดลงบ้าง อย่าโพสต์รูปที่ดูโป๊เกินไปแค่นั้นเอง

หลังจากที่หญิงแย้เป็นโสด เธอก็ใช้ชีวิตในมุมของตัวเอง ทำงาน ทำธุรกิจกันไป เฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนๆ โดยไม่เศร้าอีกต่อไป ทั้งไปอัพอึ๋มถึง 440 ซีซีเลยทีเดียว งานนี้ทั้งเซ็กซี่ โสด สวย และสตรองมากขึ้น จากนั้นก็มีข่าวว่า มีหนุ่มตี๋มาเป็นผู้ดามใจเธอ ซึ่งงานนี้ตัวหญิงแย้เองก็ยังไม่กล้าออกตัวแรง เพราะกลัวโดนเทอย่างที่ผ่านมา เพียงแต่บอกแค่ว่า ขอดูกันไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เป็นคนที่สนิทที่สุด

ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา

เคยเป็นคู่รักเน็ตไอดอลที่ชาวเน็ตยกให้เป็นคู่ที่หวานที่สุด สำหรับสาว ทับทิม มัลลิกา กับ ปลื้ม สุรบถ จากการคบหาดูใจกันจนมาถึงวันแต่ง แต่งงานกันมาประมาณ 3 ปี แต่แล้วก็มีข่าวออกมาว่า ทั้งคู่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กัน ซึ่งเหตุผลในตอนนั้นก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่หลายคนก็เดากันไปต่างๆ นานา จนถึงขั้นขุดเผือกขึ้นมาทีเดียว กลายเป็นเรื่องดราม่า มีแฮชแท็กในโลกโซเชียล หลังจากปล่อยให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่สักพัก หนุ่มปลื้มก็ได้ออกมาชี้แจงในไอจีส่วนตัว และบอกว่า ได้คุยได้ตกลงกับทับทิมแล้ว และได้เลิกกันมาสักพักแล้ว ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกัน แต่เพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาห่วงใยกันแบบเพื่อน

ทางด้านทับทิมเองก็บอกว่า ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ก็อยากโฟกัสเรื่องงาน อะไรที่มันผ่านมาก็อยากให้มันผ่านไป สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้น มีครอบครัวที่รักมีหมาที่รักเราก็ดีแล้ว แม้ความรักจะไม่สมหวัง แต่สาวทับทิมก็ยังคงสตรอง ทำงาน ทำธุรกิจส่วนตัวไป และได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ มีคนรอบข้างที่เข้าใจ มีแฟนคลับที่รักและคอยให้กำลังใจ เท่านั้นเธอก็มีกำลังใจ และมีชีวิตที่ดีๆ ได้แล้ว

บางทีความรักที่ดีที่สุด ก็ไม่ใช่อะไร แค่รักตัวเองมากๆ ก็พอ แล้วจากนั้นสิ่งดีๆ จะตามมา.