Inside Dara
“เบนซ์” ยังคิดรักไม่รอด! “แพท” บอกเตรียมตัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ห่างเหินแม่ผัว แต่ไม่ได้ผิดใจกัน

“แพท ณปภา” โต้ข่าวลือผิดใจ “แม่เบนซ์” แต่ยอมรับไม่ได้ติดต่อ สถานภาพห่างเหินกัน ลั่นรอเคลียร์ “เบนซ์” หลังออกจากคุก แต่เตรียมตัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว บอกสามีก็คิดว่าไปกันไม่รอด ไม่อยากให้คาดหวัง

“น้องเรซซิ่ง” ป่วยมีอาการงอแง งานนี้คุณแม่ “แพท ณปภา ตันตระกูล” เผยว่าไม่อยากฝากทิ้งลูกให้เป็นภาระที่บ้าน เลยต้องกระเตงมาทำงานด้วย ส่วนอาการป่วยดีขึ้น เพราะลูกชายค่อนข้างแข็งแรง พร้อมแจงกรณีที่มีข่าวลือว่าผิดใจคุณแม่สามี “เบนซ์ เรซซิ่ง” อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ในระยะหลังๆ ของสาวแพทก็เหมือนจะส่อให้เห็นว่ารักไม่รอดแน่นอน

“น้องป่วยเป็นไวรัสแต่ไม่ใช่ RSV จริงๆ น้องป่วยตั้งแต่วันศุกร์ตัวร้อนแล้วคือวันเสาร์ยังไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์ก็เลยไปตรวจอีกรอบนึง แต่คือทางคุณหมอไม่ให้แอดมิดเพราะว่าโรงพยาบาลเตียงเต็ม จะย้ายโรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลหนึ่งก็เต็ม ซึ่งอาการทั่วไปดุแล้วรู้ว่าเป็นไวรัสธรรมดาที่ไม่ใช่ RSV คุณหมอก็เลยไม่อยากให้อยู่โรงพยาบาลเพราะเดี๋ยวจากไวรัสธรรมดา จะกลายเป็นไวรัสที่ติดจากโรงพยาบาล”

“คุณหมอเลยอยากให้เอากลับบ้านกลับบ้านมาก็ป้อนยาเช็ดตัว ถ้าไม่ดีจริงๆ ค่อยว่ากันก่อน จะมางานวันนี้ก็เอาไปโรงพยาบาลอีก คุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรน่าจะเป็นเด็กเจ็บคอ ซึ่งเด็กๆ พอเจ็บคอ คอแดง จะไม่เหมือนผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกันแต่เด็กก็เจ็บคอคอแดงเขาจะเป็นไข้ แล้วพอเราเป็นแม่ได้เช็ดตัวแล้วตัวยังร้อนอยู่เราก็จะกังวลพาไปหาคุณหมอดีกว่า”

“เขาก็งอแง ก็ไม่ต้องนอนกันไปเลยค่ะ ถามว่าเป็นการคูณที่หนักที่สุดไหม จริงๆ เธอป่วยมาแล้วครั้งหนึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่เรารู้สึกเองว่าครั้งนี้หลักสูตรเพราะครั้งแรกจำได้ว่าให้น้ำเกลือ วันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลเลยแล้วก็แฮปปี้แต่อาการครั้งนี้วันนี้น่าจะเข้าวันที่ 4 แล้วซื้อวันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นที่สุดคือตั้งแต่เช้ามาเราก็พยายามจับตัวโอเคแฮปปี้ตัวไม่ร้อนแล้ว ซึ่งคุณหมอนัดอีกทีวันพุธมาตรวจอีกครั้งหนึ่งจากคุณหมอบอกว่าเรซซิ่นเป็นเด็กที่แข็งแรง เพราะยังกินได้ ไม่ถ่ายเหลวมาก เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าเด็กที่กินไม่ได้ อันนั้นน่ะจะมีปัญหาแต่เรซซิ่งยังกินได้หรือว่ายังโอเค”

“เรื่องให้ระวังอะไรเป็นพิเศษ บอกยากจังเลยเพราะว่าโลกมากับฝนมากับอากาศตอนนี้เพราะอากาศมันไม่โอเคเลย ตอนนี้เราโชคดีที่น้องยังไม่ได้เรียนเด็กส่วนใหญ่ที่เป็นคือเด็กที่ไปโรงเรียน ถามว่าเรากังวลขนาดไหนตอนนี้เรียกว่าโอเคแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คือมันบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรแล้วเราพยายามรักษา แล้วสุดท้ายเราก็ไปหาคุณหมอซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตอนทำตัวร้อนเราก็กลัวว่าเขาจะชักไหม เพราะเด็กถ้าชักแล้วมันไม่ดีเลยนั่นแหละ คือสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด”

“ส่วนเรื่องออกไปข้างนอกเจอผู้คน ส่วนใหญ่หมอก็จะให้ดูแลอย่างเช่นถ้าเสร็จแล้วขึ้นรถก็เช็ดไม้เช็ดมือตามประสาอย่างเรา เราต้องบอกตรงๆ ว่าเราติดลูกมากเราชอบที่จะไปไหนกับลูก หรือเราไม่ใช่แบบที่ว่าเป็นแม่ที่ทำงานแล้วทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง คุณหมอก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นคุณแพททำใจไปเลยเพราะเท่านี้เรซซิ่งก็ถือว่าแข็งแรงมาก”

ไม่ได้นอนทั้งคืน และต้องตื่นมาทำรายการสดอีก

“เหมือนตรงที่ว่าเรายังไม่ได้นอนเรายังไม่ได้นอนตั้งแต่ 6 โมงเช้าคือเราตื่นทั้งคืนเลยเพราะว่าเขาไม่สบายตัวแล้วเราเองก็ต้องตื่นมาทำรายการสดแล้วทั้งคืนลูกไม่นอนเลยแต่เราก็ต้องสู้ไง เราก็คิดว่าตอนเราเด็กๆ แม่เราคงเหนื่อยมาก คุณย่าแกคงต้องสุดยอดคนหนึ่ง ป่วยต้องมาป้อนยาเช็ดตัวลูก ดิ้นทีเราก็นอนไม่หลับเพราะเราไม่รู้ว่าเขาดิ้นหรือเขาชัก”

ไม่อยากทิ้งลูกไว้ที่บ้านให้เป็นภาระใคร

“ใจหนึ่งเราก็อยากฝากแต่ว่าเรารู้สึกว่าการที่เราพาลูกออกมาอย่างแรกเลยเขาได้เห็นอะไรเยอะ เรารู้สึกว่าเขาก็จะได้ไม่กลัวคน เพราะถ้าเราฝากน้องไว้ที่บ้านอีกคือที่บ้านเราเองก็มีคนป่วยอยู่แล้ว 2 คน เราเลยคิดว่าเราเอาออกมา ก็ไม่ได้เหนื่อยมากขึ้นเท่าไหร่”

โต้ผิดใจแม่เบนซ์ แต่ยอมรับไม่ได้ติดต่อกัน รอเคลียร์เบนซ์หลังออกจากคุก

“เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ฉะนั้นเรื่องผิดใจกันตัดออกไปก่อนเพราะทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย คงได้คุยกันอีกทีน่าจะช่วงที่ต้องคุยกัน คือตอนนี้แพทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เราแยกบ้านกัน แพทกลับมาอยู่บ้านแพท ทางแม่ของพี่เบนซ์เขาก็ต้องเตรียมเรื่องของพี่เบนซ์ เมื่อเดือนที่พี่เบนซ์เขาขึ้นศาลถี่มาก เราก็ต้องขึ้นด้วยเราก็เข้าใจแม่เขา เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเราเลย”

“เขาก็ยอมรับตรงๆ ว่าเขาเหนื่อยกับการเตรียมเอกสารต่างๆ จนมาตอนนี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองว่าแกก็คงวุ่นวายเรื่องของพี่เบนซ์อยู่ ส่วนแพทกับพี่เบนซ์เราคุยกันแล้วว่าออกมาคงต้องคุยกันจริงจังว่าจะเอายังไงกับเรื่องลูก เพราะตอนนี้แพทเลี้ยงลูกคนเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างคือแพทคนเดียว พอเราพูดกับพี่เบนซ์ไปแกก็บอกให้เรารอไปก่อน รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายกว่านี้ก่อน ว่าตัดสินแล้วเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วเดี๋ยวเขาจะมาคุยกับเราอีกทีนึง”

“ซึ่งแพทจะไม่ได้คุยกับแม่พี่เบนซ์อยู่แล้ว ต้องให้พี่เบนซ์เป็นคนคุยให้ แต่จุดนี้พี่เบนซ์เขายังไม่คุยให้เราก็เลยคิดว่าเราไม่พูดดีกว่า เราก็บอกว่าเราเลี้ยงลูกเราไหว ณ ตอนนี้เราก็เลี้ยงมาปีกว่าคนเดียว เราก็เลี้ยงไหว ถ้าต่อไปเราจะต้องเลี้ยงอย่างนี้อีกเราก็ไหว”

ยอมรับห่างเหินกันตั้งแต่แยกตัวออกมา

“ตอนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าห่างเหินกับครอบครัวของพี่เบนซ์ แพทแยกมาตั้งแต่พี่เบนซ์ติดแรกๆ เลย พอแยกแล้วการสื่อสารมันก็น้อยลงทันทีเลย ตอนแรกๆ คุณแม่พี่เบนซ์เขาก็อยากให้เราเอาหลานไปเยี่ยมเขาบ้าง แต่เราเองรู้ว่ามันยาก ไปอยู่ตรงนั้นเราไม่สะดวกกับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่อยู่ ลูกเราโตขึ้นลูกเราต้องการใช้พื้นที่เยอะขึ้น แม่เราที่ต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น พอเราเริ่มห่างออกมา การติดต่อน้อยลง หลังๆ การติดต่อก็จะเป็นเรื่องของคดีหมดเลย”

บอกไม่ใช่ทุกคนจะคิดว่าไปกันไม่รอด แม้แต่ผัวก็ยังคิดแบบนั้น ลั่นอย่าคาดหวังว่าตนต้องไปเยี่ยมเป๊ะๆ เลือกงานก่อน ทำงานหนัก ต้องดูแลลูกคนเดียว

“ก็ไม่ใช่แค่ทุกคนหรอกค่ะ ผัวดิฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คือเราก็พูดกับพี่เบนซ์ตรงๆ เขาก็เข้าใจนะ วันล่าสุดที่แพทไปขึ้นศาลแล้วเจอกันเราก็บอกเขาเลยว่าพี่เบนซ์รู้ใช่มั้ยว่าแพทเลี้ยงลูกคนเดียวนะ แล้วลูกจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วนะ ถึงมันจะอีกปีนึงแต่มันก็ต้องแพลนแล้วนะ เราก็พยายามบอก แต่ถ้าทางนั้นยังเงียบอยู่เราก็โอเค ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าสุดท้ายก็รอเลยแล้วกันว่าจะเอายังไง”

“ถ้าวันนี้ศาลตัดสินแล้วออกมาได้เราสองคนต้องคุยกันแล้วนะว่าเราจะไปต่อกันแบบครอบครัวหรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่ ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องปรับตัวมากๆ เลย เพราะตอนที่พี่เบนซ์ไปน้องอายุ 3 เดือน เขายังไม่รู้เรื่อง แล้วตัวพี่เบนซ์ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ลูกขวบ 6 เดือนแล้ว กว่าเขาจะได้ออก ลูกก็ 2 ขวบแล้ว”

“แพทก็คุยกับเขาตรงๆ ทุกคนก็รู้คนรอบข้างก็รู้ว่าแพทดูแลลูกคนเดียว แพททำงานหนักมาก แพทก็บอกเขาว่าอย่าคาดหวังว่าแพทจะต้องไปเยี่ยมเขาตาตารางเป๊ะๆ ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน แพททำไม่ได้ แพทเอางานมาก่อน เขาเข้าใจ เขาบอกแพทไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าสมมติว่าพี่เลี้ยงว่างก็เอาลูกไปอย่างเดียวก็ได้ เราก็เลยโอเคว่าเขาคงเข้าใจเรา”

โต้ทิ้งเบนซ์ ยังไม่แยก แค่ยังไม่ได้เคลียร์กัน

“ไม่เกี่ยวกับทิ้งหรอกค่ะ แพทเชื่อว่าคนที่มีครอบครัวสุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเดินมาถึงจุดที่มันแยกกัน และตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราก็ยังไม่ได้แยกกัน แค่รอคุยกัน คนจะคิดว่าคนข้างในเขามีความหวังเป็นเรา เราอย่าทิ้งเขา แต่คุณต้องมองคนข้างนอกด้วยว่าคนข้างนอกก็หวังเหมือนกันที่จะมีครอบครัวที่แข็งแรง รวมถึงคาดหวังการดูแล แพทเชื่อว่าต่อให้เขาอยู่ข้างในเขาก็ยังดูแลเราได้ ทีนี้มันก็ต้องลองดูว่าเราสามคนจะคุยกันแบบไหน โอเคเรากลับมาแล้วเราต้องจูงมือกันไปให้ได้นะหรือ เราคุยแล้วมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”

ไม่มีน้ำตาแล้ว งานและลูกต้องเต็มร้อย เตรียมใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว

“ทุกวันนี้ไม่มีน้ำตาเลยค่ะ ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ลูกก็ต้องการการดูแลแบบเต็มร้อย งานก็ต้องเต็มร้อย เราเลยแทบจะไม่มีเวลามาคิดเรื่องตรงนั้นว่าทำไมนั่นทำไมนี่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ติดต่อก็คือติดต่อไม่ติดต่อก็คือไม่ติดต่อ ไม่ว่างด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เป็นไร (เราเตรียมใจกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไว้?) เพิ่งจะมาเตรียมหลังจากที่เราได้คุยกับพี่เบนซ์ ฟีดแบ็กมันน้อย พอมันน้อยเราก็ค่อยๆ เตรียมมาเรื่อยๆ”