Inside Dara
เตียงหัก! 'ปิ๊บ' เลิก 'ดร.แพรว' ปัดมีมือ3-โอกาสคืนดีเรื่องอนาคต

"ปิ๊บ-รวิชญ์" เปิดใจถึงกรณีเลิกกับภรรยา "ดร.แพรว-ดาริกา" เหตุทัศนคติไม่ตรงกัน-ต่างคนต่างไม่มีเวลา แต่ยังคงความเป็นเพื่อนที่ดีและดูแลลูกร่วมกัน ปัดมีมือที่ 3 โอกาสคืนดีเป็นเรื่องอนาคต...

เป็นข่าวช็อกวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ ปิ๊บ-รวิชญ์ เทิดวงส์ ที่โด่งดังจากบท ผอ.เจนภพ จากละครยอดฮิต "แรงเงา" ทางช่อง 3 ได้เปิดใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาสาว แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ ทายาทผู้บริหารมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ว่าตอนนี้เลิกราแล้วแน่นอน โดยลดสถานะความสัมพันธ์เหลือแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี และเมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวการเลิกราของทั้งคู่ออกมา ซึ่งฝ่ายนักแสดงหนุ่มออกมาปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กันจริงแต่ยังปรับตัวเข้าหากันได้

โดยนักแสดงหนุ่มเผยถึงความสัมพันธ์กับ แพรว-ดร.ดาริกา ภรรยาของตน ว่า ตอนนี้เราทั้งคู่ตัดสินใจเป็นเพื่อนกันและมีอิสระต่อกัน และมีลูกเป็นหลักในการดูแลให้ความอบอุ่น ที่ผ่านมาตนและภรรยาพยายามคงความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็มาสรุปว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังคงติดต่อกัน โดยที่ยังมีลูกเป็นหัวใจหลักของความสัมพันธ์ ต่อข้อถามที่ว่าตัดสินใจลดความสัมพันธ์ลงนานรึยัง นักแสดงหนุ่มเผยว่า มันเหมือนเป็นช่วงปิดช่วงเปิด เป็นช่วงที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด ซึ่งเราทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้มาหลายรอบแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังเห็นทั้งคู่ออกงานคู่กัน คนก็อาจจะงงว่าทำไมถึงเลิกกัน ปิ๊บเปิดใจถึงประเด็นนี้ว่าเราก็คบกัน มันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาเราใช้ชีวิตมันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตอนนั้นที่ออกงานด้วยกันก็ยังโอเคกันอยู่ แต่มันก็มีความรู้สึกว่าทำไมเรื่องนี้ก็ยังคิดไม่ตรงกัน หลังจากนั้นเราก็เลยมาคุยกันว่าสงสัยจะไม่ไหวจริงๆ เป็นเพื่อนกันดีกว่า เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น

และเมื่อถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ยุติความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา นักแสดงหนุ่มเผยว่า เหตุผลหลักเป็นเรื่องทัศนคติในการใช้ชีวิต ซึ่งคำคำนี้มันกว้างมาก แต่มันมีรายละเอียดลึกๆ ที่เป็นเรื่องของคนสองคน ก็ให้เรื่องทัศนคติเป็นอิสระต่อกันดีกว่า และต่อจากนี้ถ้ามีคนเห็นว่า ตนและคุณแพรวอยู่ด้วยกันก็คือเป็นเพื่อนกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อลูก ซึ่งเราทั้งคู่เองไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก กับคำถามที่ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะทำหน้าที่ดูแลลูกอย่างไรบ้าง ปิ๊บตอบว่าก็อยู่กันเป็นสัดส่วน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะตอนนี้เริ่มแยกบ้านแล้ว ส่วนเรื่องลูกก็แบ่งเวลาว่าใครจะอยู่กับลูก ต่อข้อถามที่ว่าคนก็อาจจะงงว่าตอนแรกก็ให้สัมภาษณ์ว่าเลิกกัน แต่ตอนหลังก็บอกว่าไม่เลิก ตอนนี้บอกอีกรอบว่าเลิกแล้ว นักแสดงหนุ่มจึงขอร้องว่าอยากให้เห็นใจกันนิดหนึ่งว่าตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยากเลิกกัน แต่เราก็ปรับตัวเข้าหากันแล้ว มันก็เหมือนกับที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาทั้งคู่ เราก็ไม่ได้โกหก เราไม่มีเวลาจริงๆ แล้วช่วงนั้นเราทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์มากกว่า

กับคำถามที่ว่าเวลามีข่าวเลิกกัน คนมักจะโยงไปถึงเรื่องมือที่ 3 นักแสดงหนุ่มหัวเราะก่อนเผยถึงเรื่องนี้ว่ามันไม่เหมือนบท ผอ.ที่ตนเล่นในเรื่อง แรงเงา คนก็อาจจะคิดว่าตนเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ ไม่ใช่คนแบบนั้น สำหรับตนจะต้องเคลียร์ความสัมพันธ์เดิมก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่าพอคนวงในทราบข่าวก็มีคนเข้ามา ต้องยอมรับว่าบท ผอ.ที่ตนเล่นดังมาก เลยมีส่วนทำให้คนเข้ามา แต่มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น คือมีคนเข้ามาคุยแต่คงไม่ใช่เวลาที่จะไปคุยกับใคร ตอนนี้ตนโฟกัสเรื่องงาน ซึ่งคนอาจคิดว่าเป็นงานในวงการบันเทิง แต่จริงๆ ก็มีงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในวงการบันเทิงที่มันต้องใช้เวลา พอไปโฟกัสมันก็ทำให้ตนไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากกับภรรยา แล้วภรรยาเองก็มีงานหลายอย่างที่ต้องทำ แล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติม ต่างคนต่างก็เวลาน้อย ฉะนั้น อย่างที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องมือที่ 3 แน่นอน เป็นเรื่องทัศนคติและเรื่องเวลาเป็นหลักมากกว่า ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหลายคนมองว่าพอเลิกกันอาจทำให้กระทบความรู้สึกของลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ เรื่องนี้นักแสดงหนุ่มเผยว่า ตนและภรรยาก็ประคับประคองความรู้สึกของลูก ทำให้มันกระทบน้อยที่สุด เวลาไปทานข้าวก็ยังไปทานพร้อมกันปกติ ไม่มีอะไรที่ต่างออกไป เพียงแต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันและไม่ได้อยู่ที่เดียวกันแล้ว ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับภรรยานั้นลูกๆ ไม่ทราบเลย แต่ถ้าโตกว่านี้ลูกๆ คงรู้ของเขาเอง แต่เขาก็ได้รับความอบอุ่นเต็มร้อย คือยังคงความเป็นครอบครัว แต่อาจจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน และในเมื่อไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อนกัน มีความเป็นอิสระจากกันดีกว่า

เมื่อถามต่อว่าหากมีข่าวออกไปจะต้องมีคนจับตามองมีคนถามเยอะแน่นอน รู้สึกกดดันหรือไม่ นักแสดงหนุ่มตอบว่า ตนคิดว่าเขาคงชินกันแล้ว ตนคิดว่าคงมีคนถามไม่ค่อยเยอะ เพราะว่าข่าวไม่ได้เพิ่งออก คนอ่านคงเริ่มเบื่อจะอ่านเรื่องของตน ก่อนที่จะหัวเราะและพูดต่อไปว่า ที่ครั้งนี้ตนออกมาพูด เพราะว่าวันนึงถ้าเกิดเห็นตนไปกับคุณแพรว ก็อย่ารู้สึกว่าทำไมให้ข่าวแบบนี้แล้วยังไปไหนด้วยกัน จะได้รู้ว่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ ไม่ว่าจะสถานะไหน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากับเรื่องนี้จะแถลงข่าวอีกรอบไหม นักแสดงหนุ่มตอบว่าคงไม่ เพราะตนปรึกษากับคุณแพรวแล้วว่าคงไม่แถลงข่าวอะไรแล้ว ก็คงให้สัมภาษณ์ให้เข้าใจแบบนี้แล้วกัน และเมื่อไปออกงานอะไรก็ตามที่คุณแพรวไปคู่กับผมก็เข้าใจได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์นี้ก็ขอเวลานิดนึง ถามว่าเครียดไหม คือที่ผ่านมามันยังไม่ได้สรุปร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังไง มันยังเป็นช่วงปิดๆ เปิดๆ อย่างที่ได้บอกไป แต่ตอนนี้เป็นข้อตกลงที่แน่นอนแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกัน ส่วนแพลนในอนาคตต่อไปก็คงต่างคนต่างทำงาน ใช้เวลาร่วมกัน โดยมีลูกเป็นศูนย์กลางครับ แต่มีความเป็นอิสระต่อกัน ถ้าเห็นว่าเรายังไปงานหรือไปไหนด้วยกันก็คงไม่ต้องมีคำถามแล้ว เพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าไปเดินกับคนอื่น ซึ่งไม่ใช่คุณแพรว เดี๋ยวจะอัพเดตให้ฟัง ถ้ามันมีแบบนั้นในอนาคต

ทั้งนี้ นักแสดงหนุ่มเผยถึงโอกาสจะกลับมาคืนดีกันว่ายังไม่รู้จะกลับมาคืนดีกันไหม ตนไม่ทราบ แต่เราไม่ได้เลิกกันด้วยความแค้นจนกลับมาไม่ได้แล้ว เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก เรื่องอนาคตก็ยังไม่แน่นอน ถามว่ามีสิทธิ์กลับมาได้ไหม ก็มีสิทธิ์ แต่ตอนนี้สัมพันธภาพคือ เป็นอิสระต่อกัน เป็นเพื่อนกัน และยังจ่ายเวลาให้กับครอบครัวได้ไม่ต่างจากเดิม ยังไปไหนด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย และเมื่อถามถึงความรู้สึกตอนนี้ดีขึ้นกว่าวันแรกที่ตัดสินใจเลิกกันบ้างหรือยัง นักแสดงหนุ่มตอบว่า จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยู่ดีๆ มาตกใจ มันก็มีการตื่นตัวกันมาแล้ว เหมือนทำใจกันมาแล้วในระยะหนึ่ง ก็พยายามปรับกันมาเรื่อยๆ ซึ่งคนรอบข้างก็ให้กำลังใจครอบครัวมาตลอด ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆ พอได้กำลังใจก็รู้สึกดีขึ้น อะไรที่ตนตัดสินใจแล้วมันดีขึ้นก็จะทำ อย่างเช่นการตัดสินใจครั้งนี้ที่ทำแล้วทุกอย่างมันดีขึ้น เราก็เป็นอิสระ ต่างคนต่างตกลงแล้วเห็นว่าแบบนี้ดีแล้ว ส่วนในอนาคตโอกาสกลับมาก็อีกเรื่องหนึ่งไม่ได้ปิดกั้น กับคำถามที่ว่าเสียดายไหมที่ทุกอย่างต้องจบแบบนี้ นักแสดงหนุ่มยอมรับว่ารู้สึกเสียดาย แต่ตนและภรรยาก็มีช่วงเวลาที่สุดยอดมาตั้งหลายปี มันก็โอเค คือช่วงเวลาที่ดีมันก็มีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตัดสินใจถึงขั้นแต่งงาน เราสองคนเคยมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ

สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ชีวิตคู่ของ ปิ๊ป-รวิชญ์ และ แพรว-ดร.ดาริกา ทั้งคู่ได้เข้าพิธีหมั้นเป็นการส่วนตัวเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2546 และเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 5 ส.ค. 2546 ก่อนจะจัดพิธีฉลองสมรสพระราชทาน ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2546 ที่ผ่านมา โดยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี และมีลูก 2 คนคือ น้องพิพ วัย 7 ขวบ และ น้องเพพพิน วัย 4 ขวบ ก่อนที่จะตัดสินใจปิดฉากชีวิตคู่และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน