Inside Dara
กะเทาะโลกของสาวขี้อายกับเรื่องราวมากมายของ‘เซฟ-เซฟฟานี่’

เหมือนว่าเวทีการประกวดสาวงามรุ่นเล็กอย่าง มิสทีนไทยแลนด์ ได้สร้างผลงานไว้กับวงการบันเทิงมาหลายยุคหลายสมัย เพราะเพียงไม่กี่อึดใจก็ตบเท้าเข้ามาเป็นนักแสดงคลื่นลูกใหม่ประดับวงการบันเทิง เช่นเดียวกับสาว “เซฟ” เซฟฟานี่ อาวะนิค นางเอกสาวคนสวยประจำวิกหมอชิต ที่ล่าสุดเธอกำลังมีผลงานการแสดงในละครเรื่อง “ทะเลไฟ” สกู๊ปวันเสาร์ฉบับนี้เลยขอคว้าตัวนางเอกมาพูดคุยเจาะลึกเรื่องราวชีวิตจากวันวานสู่วันนี้

ผลงานเรื่องล่าสุด
กับผลงานละครเรื่องล่าสุด “ทะเลไฟ”

ในเรื่องนี้รับบทเป็นพศิกา เป็นน้องสาวของพิรญาณ์ รับบทโดยพี่แซมมี่ (แซมมี่ เคาวเวลล์) ในเรื่องที่เป็น “ไฟรักเกมร้อน” พอเปิดเรื่องมา เราก็จะเป็นเด็กๆ อยู่ ใจร้อน ปรี๊ดปร๊าด โวยวาย จะกรี๊ดและใส่อารมณ์กับทุกอย่าง จะเป็นคนที่ไม่เก็บอารมณ์อะไรเลย แต่พอมาในเรื่องของเรา “ทะเลไฟ” เหมือนว่าตัวละครท่ี่เราแสดงมีประสบการณ์มากขึ้น พอเราโตขึ้นก็สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ว่าจริงแล้ว ตัวของพศิกาก็ยังเป็นแนวสู้คนเหมือนเดิม แต่เราจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาด้วยการกรี๊ดกร๊าดออกมาเท่านั้นเอง

คาแรกเตอร์ของตัวละครมีความใกล้เคียงกับตัวเรามากน้อยขนาดไหน

เป็นคนที่สู้เพื่อความถูกต้องมีเหตุผล ประมาณเถียงเพราะมีเหตุผล ที่คิดว่าถูกต้อง เราเป็นคนที่มีเหตุผลของเรานะ พศิกาเป็นคนที่รู้จักวางแผนด้วย ก็คล้ายๆ กับเซฟนะ

ความยากในการทำงานของละครเรื่องนี้

(นึก) คือมันเป็นเรื่องของการต่อเนื่องจากเรื่อง “ไฟรักเกมร้อน” เราไปร่วมงานแจมประมาณ 3-4 ตอน คือต้องคีพความเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละครตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะยังเด็กอยู่แต่ว่าเราก็มีความสู้คน ต้องคอนแท็กให้ได้ทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากว่ามีความเชื่อมโยงกัน พศิกาเป็นตัวละครที่ถูกกระทำเยอะมาก ไหนจะโดนเผาไฟ แช่ห้องเย็น โดนจับกดน้ำอีก มีฉากเรือระเบิด หลงป่า ถามว่าโหดไหม ก็โหดกว่าที่เคยถ่ายมานะ เซฟก็ไม่คิดนะว่าจะเจอแบบนี้ (หัวเราะ) โดนกระทำเยอะมาก คือว่าเวลาถ่ายทำก็จะค่อยๆ ออกมาว่าเราจะโดนกระทำมาเรื่อยๆ เซฟมองว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมากนะ ได้ทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน ถือว่าเป็นการท้าทายความสามารถไปอีกแบบ นอกจากนี้เรื่องของการถ่ายทำก็ถ่ายทำกันค่อนข้างยากนะ เพราะว่าหนึ่งต้องไปเมืองนอกด้วย มาถึงเรื่องของการถ่ายทำภายในประเทศมันก็มีความยาก เพราะต้องฟิกเวลาเหมือนกัน เราไปถ่ายทำสถานที่ีต่างๆ สวยมาก เน้นทะเล ตามชื่อเรื่องเลย ทะเลไฟ เราไปหลายที่มากมีทั้ง พัทยา ระยอง ปราณบุรี

การทำงานกับพระเอก มิกค์ ทองระย้า เป็นอย่างไรบ้าง

มีการฟาดฟันกันตลอดทั้งเรื่องนะ เหมือนว่าจะดีๆ กันแล้วกลับมาทะเลาะกันอีก เราก็จะโดนเขาแกล้ง โดนเขากระทำสารพัด เขาจะแกล้งเราด้วยการพยายามมาถูกเนื้อถูกตัวเรา เพราะว่าเขารู้ว่าเราไม่ชอบเขาก็ยิ่งจะทำ

จากเรื่อง “ไฟรักเกมร้อน” มีฉากหวือหวาเยอะเลย แล้วใน “ทะเลไฟ” ล่ะมีแบบนี้บ้างไหม

คนละอารมณ์กันเลย สำหรับเรื่องนั้นเขารักกันจริงๆ นะ รักกันตั้งแต่ต้น แต่ในละครเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นมันไม่ได้ถึงขนาดนั้น เหมือนแค่แอบปิ๊งกันที่ต่างประเทศ พอกลับมาเมืองไทย เตชิน (มิกค์ ทองระย้า) เข้าใจผิดว่าพศิกาเป็นภรรยาน้อยของพ่อเขา เขาก็เกลียดเรา เกลียดๆ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ แล้วพศิกาไม่ใช่เมียน้อย พ่อของเตชินมองเราเป็นลูกอีกคนหนึ่ง เป็นการเข้าใจผิด ซึ่งมันเริ่มต้นมาจากทางแม่ของเตชินแล้ว ในเรื่องมันจะมีโมเม้นท์ที่เราได้อยู่ด้วยกัน และมีโอกาสที่เราได้คุยกันอธิบายกัน แต่พอไปเรื่อยๆ แม่เขาก็จะเอาเรื่องราวต่างๆ มาให้เขาอีก จนเตชินเกลียดเราอีกแล้ว

ในเรื่อง “ทะเลไฟ” มีฉากไหนที่สวีทที่สุด

ถ้าสวีทจริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงต้นเกือบสุดท้ายของเรื่องนะ เริ่มปรับความเข้าใจกันแล้ว (แฟนคลับที่รอลุ้นฟินจิกหมอนล่ะ) คงจะน้อยจริงๆ นะ น่าจะเป็นเรื่องลุ้นกันมากกว่าว่าเมื่อไหรพศิกากับเตชินจะรักกันสักที เดี๋ยวก็มีเรื่องนั้นมาขัดจังหวะ ถามว่ากลัวคนดูเปรียบเทียบไหม ไม่นะ เพราะเรื่องนี้เรื่องราวมันคนละเรื่องกัน คนละแนวเลย เปรียบเทียบกันไมได้ เพราะฉะนั้นไม่ซีเรียสเรื่องของการเปรียบเทียบเลย

ชีวิตการทำงานในวงการบันเทิง
กับการทำงานในวงการบันเทิง ณ ตอนนี้กี่ปีแล้ว

ถ้านับรวมเรื่องของการแสดงด้วยแล้วก็ประมาณ 4 ปี เซฟได้ตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ตอนอายุ 14-15 ปี คือเวทีนี้ให้โอกาสเรา เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงลึกเข้าไปอีกนะ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือนางแบบมืออาชีพก็ได้นะ แต่เซฟไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาเป็นนักแสดง เนื่องจากว่าส่วนตัวเป็นที่ขี้อายมากเลย แค่ขึ้นเวทีก็ประหม่าแล้ว ลึกๆ ใจแค่อยากเป็นนางแบบอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าเรื่องการแสดงมาได้ยังไง ซึ่งเซฟก็ไปเรียนเสริมด้านการแสดงเพิ่มนะ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะแคสติ้งกับช่องผ่าน เพราะว่าภาษาไทยตอนนั้นก็ไม่ค่อยคล่อง เวลาพูดยังเป็นสำเนียงฝรั่งอยู่เลย แล้วก็หลายๆ อย่างเลย

สาเหตุอะไรที่ทำให้ข้ามผ่านความขี้อายออกมาได้

สถานการณ์ฺบอกให้ทำ (ยิ้ม) ตอนที่เราไปทำงาน เขาบอกว่าต้องร้องเพลง เราก็เอาแล้ว แต่ก็ต้องทำใจ มันต้องใช้เวลาในการบิวท์ สมมุติไปซ้อมร้องเพลง 5-6 รอบไม่หายนะ แต่ต้องร้องประมาณ 10 รอบ ถึงเริ่มชิน จากการร้องเพลงและการสัมภาษณ์ต่างๆ ออกรายการสด มันเริ่่มบิวท์ไปเลย และหลังจากที่เซฟเล่นละครเรื่องแรก “เจ้าสาวสลาตัน” และ “ยมบาลเจ้าขา” 2 เรื่องนี้มาพร้อมๆ กัน เราได้เจอกล้องบ่อยๆ มันก็โอเคขึ้น แต่พอไปเจอกองใหม่ๆ เซฟก็เริ่มอายอีก (ยิ้ม) เราต้องใช้การจูนไปทีละกองจะได้ชิน ค่อยๆ บิวท์กันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่อายอะไรแล้ว แต่ทุกวันนี้พอขึ้นเวทียังตัวสั่นเหมือนเดิมนะ (หัวเราะ) ตอนงาน 7 สีคอนเสิร์ต คนเยอะมาก โอ้ว...ตัวสั่นไปหมดเลย อย่างที่บอกว่าเซฟเป็นคนที่ขี้อายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย ก่อนขึ้นพยายามนึกภาพว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าเพื่อนที่สนิท

ความขี้อายดูขัดแย้งกับบุคลิกภาพนอก

ใช่เลย ทุกคนชอบพูดแบบนี้ (หัวเราะ) ด้วยหน้าตาที่ดูเข้มดูดุ ดูเป็นสาวเข้ม ที่ไหนได้พอเข้ามาในห้องที่ีมีคนเยอะๆ เซฟจะไปนั่งหลบมุมอยู่คนเดียว จะเป็นคนที่ไม่กล้าคุยกับคนอื่น

ในใจลึกๆ ชอบอาชีพนักแสดงไหม

แรกๆ ไม่ชอบเลย คือยังมาคิดเลยว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มันไม่ใช่ คือเซฟรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้นะ เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเซฟไม่ใช่คนที่กล้าแสดงออก แล้วรู้เหมือนว่าตัวเองถูกบังคับ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ ใจอยากอยู่ข้างหลัง อยากเป็นผู้ช่วย ไม่อยากมาอยู่เบื้องหน้าเลย แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันเริ่มสนุกเรื่อยๆ เอ๊ะ...เราก็ทำได้ คนอื่นเขาก็ยังทำได้เลย มันเลยเริ่มโอเคขึ้น เหมือนช่วงแรกๆ ก็เพิ่งเรียนขึ้นปี 1 ทุกอย่างมันดูเข้ามาเยอะมาก คิดว่าเรียนก็ต้องมาทำงานอีกเหรอ แล้วถ้าไม่ทำงาน เราจะมีเงินมาเรียนไหม โอ๊ย...คิดหลายอย่างเลย (หัวเราะ)

ละครที่เล่นมาชอบเรื่องไหนมากที่สุด

ทุกเรื่องมีความสนุกไม่เหมือนกันนะ บอกไม่ถูกเลย แต่ว่า (นึก) ชอบทุกเรืืื่องนะ เพราะแต่ละกองมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ แตกต่างหมดเลย แต่ในเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าได้เปลี่ยนตัวเองก็เรื่อง “กุหลาบเล่นไฟ” ของค่ายพอดีคำ เรื่องนี้ถูกบังคับให้เราเล่นให้ได้ เรื่องนี้ทำให้เราเก่งขึ้นในระดับหนึ่งเลย แล้วก็ต่อมาเรื่อยๆ จนเรื่อง “ทะเลไฟ” ได้กลับมาเจอผู้กำกับคนเดิมอีก เหมือนกลับมาเจอครูด้านการแสดงอีกรอบหนึ่ง

นับว่าเป็นนักแสดงที่มีข่าวคราวน้อยมากคนหนึ่ง

คือมันไม่มีอะไรออกมาเลยใช่ไหม (หัวเราะ) คือเซฟไม่ต้องการให้มีข่าวอะไรเลยนะ เซฟไม่มีความคิดอะไรตรงนีี้เลย ชอบใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองชอบแนวชิลๆ เซฟเข้าก็ฟิตเนส ไปเรียน แล้วไปทำงานไปหาเพื่อนบ้าง ถ้ามีเวลาจริงๆ มันก็วนไปวนมาอยู่แค่นี้นะ ชีวิตไม่ค่อยทำอะไรมาก เรื่องคนทีี่คุยก็มีนะ แต่ว่าที่่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีข่าวที่ออกมาดูไม่ดีนะ เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี เลยไม่มีข่าว เซฟมองว่ามันไม่มีความจำเป็น คือไม่รู้นะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวว่าเซฟมีความสุขกับการทำงานชิ้นนั้น และทำให้ออกมาดีที่สุดจะดีกว่า เพราะว่าลำพังเรื่องการแสดงเราก็ปวดหัวแล้ว ถ้ามาเจอข่าวอะไรอีก เพราะฉะนั้นโฟกัสเรื่องการแสดงดีกว่า

อัพเดทหัวใจ
ณ วันนี้มีคนรู้ใจแล้วหรือยัง

มีคนคุย คุยกันมา 5 ปีแล้ว คุยกันไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้มองถึงอนาคตนะ มองว่าเป็นที่ปรึกษา (อีกฝ่ายห่วงไหม เพราะว่าเราต้องทำงานในวงการ) ตอนแรกๆ คงมีนิดหนึ่งนะ แต่ว่าเวลาเซฟไปทำงาน คือเราไปทำงานไม่ได้ไปดูผู้ชายไง เขาก็รู้ว่าเราเป็นแบบนี้และมีความไว้ใจกัน เขาก็รู้ว่านะว่าเรื่องนี้มีจูบ ไม่เคยขอนะ เพราะว่างานคืองาน คุณแม่ก็ไฟเขียว


นี่แหละ ตัวตนของนางเอกสาว “เซฟ” เซฟฟานี่


เซฟฟานี่ อาวะนิค
ชื่อเล่น เซฟ
เกิดวันที่ 15 มกราคม 2537
ผลงานสร้างชื่อเสียง ผู้ชนะเลิศ มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2009
การศึกษา กำลังศึกษา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (อินเตอร์)
ผลงานที่ผ่านมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล ยมบาลเจ้าขา เจ้าสาวสลาตัน กุหลาบเล่นไฟ เพลิงตะวัน
ผลงานปัจจุบัน ทะเลไฟ
ผลงานต่อไป หักลิ้นช้าง