Inside Dara
'เอมมี่' กับความเซ็กซี่ที่อยู่ข้างใน

“สวัสดีค่ะ" เสียงสดใสลอยมาเข้าหู เราหันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นสาวร่างสูงโปร่งยืนอยู่ไม่ไกล เธอลดมือที่พนมลงด้วยความคล่องแคล่ว เสื้อยืดสีขาวที่สั้นเต่อเผยให้เห็นช่วงเอวที่คอดเว้าของเธอ กางเกงยีนส์ขาดเป็นแนวไล่มาตั้งแต่ต้นขาจนเกือบถึงข้อเท้า จะว่าไปผิวเนื้อของเธอที่เผยพ้นมาจากอาภรณ์ที่เธอสวมใส่ก็ไม่ได้มากไปกว่าชุดที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้นิยมสวมกันสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกว่าเธอเซ็กซี่มากขนาดนี้

เธอชื่อ "เอมมี่ มัฒธณิตาศ์ เศวตวิธยะธาดากุล” เคยผ่านงานแสดงภาพยนตร์ที่โชว์ความเซ็กซี่อย่าง เดอะ กิ๊ก รวมทั้งถ่ายแบบแนวหวือหวาท้าลมร้อน(และลมหนาว) มาแล้วหลายครั้ง ด้วยภาพลักษณ์และผลงานที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอทำให้เราเกร็งไม่น้อยที่จะต้องออกเดทกับเธอคนนี้

แม้ผู้ชายค่อนประเทศจะลงความเห็นว่าเธอ 'เซ็กซี่' แต่เอมมี่กลับบอกเราว่าเธอไม่คิดว่านั่นคือคาแรกเตอร์เพียงหนึ่งเดียวของเธอ "ถ้าคนอื่นมองจะดูว่าลุ๊คภายนอกจะดูเป็นผู้หญิงที่ อ่ะ บางคนบอกเซ็กซี่ บางคนบอกว่าเป็นคนดูนิ่งๆ ดูเหมือนจะน่ากลัว ดูเป็นคนที่ต้องมีอะไรแน่นอน แต่จริงๆ แล้วจะบอกว่ามันตรงกันข้ามหมดเลย เพราะถ้าคนที่รู้จักเอ็มมี่จริงๆ เขาจะมองเราเป็นอีกมุมไปเลย เขาจะบอกว่าชั้นไม่เชื่อว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ เพราะจริงๆ แล้วเราจะเป็นคนที่มีหลายบุคลิกในตัวเอง บางอารมณ์ก็เปรี้ยว บางอารมณ์ก็เท่ บางอารมณ์ก็หวาน มันแล้วแต่ว่าเราจะทำอะไร เราจะไปไหนมากกว่า"

ภาพการแสดงและการถ่ายแบบของเธอยังติดตาของเราจนเผลอคิดไปว่าผู้หญิงที่นั่งยิ้มหวานอยู่เบื้องหน้าเป็นคนแรงๆ แต่เอมมี่กลับบอกเราว่าแท้จริงแล้วเธอมีอุปนิสัยหลายประการที่หากไม่สนิทจริงจะไม่มีทางล่วงรู้

“หนูเป็นคนตื่นเช้า หน้าหนูให้ป่ะ หกโมงเช้าหนูตื่นแล้ว หนูเป็นคนตื่นหกโมง เจ็ดโมง ตื่นมากินข้าว ทำนู่นนี่นั่น อยู่กับที่บ้าน บางวันวันพระก็ตื่นไปใส่บาตรกับคุณแม่ที่วัด ทุกคนจะไม่เชื่อ มีหลายคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือเพศตรงข้ามที่อยากจะรู้จัก เขาก็จะบอกว่าชั้นมองแกผิดไป เป็นอีกมุมที่ถ้าคนไม่รู้จักก็จะไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอย่างไร เพราะปกติเราจะเป็นคนที่เฉยๆ ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครเท่าไหร่น่ะค่ะ"

“หนูเป็นคนที่กินเก่งมาก ตีหนึ่ง ตีสองก็ยังกิน สามารถกินได้ตลอดเวลา สามารถกินบุฟเฟ่ต์อิ่มหลังผู้ชาย หนูเป็นคนที่อะเลิร์ทกับการกิน ขนม ของคาว บุฟเฟ่ต์ พวกชาบูนี่จะชอบมาก สามารถนัั่งได้จนหมดเวลา จนเขาไล่ออกน่ะ (หัวเราะ)”

เอมมี่ยกแก้วน้ำสีสวยสดขึ้นมาจิบเรื่อยๆ ขณะที่คุยกับเราอย่างออกรส เธอทำให้เราประหลาดใจได้เรื่อยๆ หลังจากที่บอกว่าตัวเองตื่นเช้า ชอบทำบุญ ชอบสวดมนต์ ไปปาร์ตี้บ้างแต่ก็เต้นไม่เป็น ชอบอยู่ติดบ้าน ชอบอยู่กับครอบครัว และเป็นที่ปรึกษาชั้นดีให้กับเพื่อนๆ ถึงตอนนี้เราก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าสาวสวย รวยเสน่ห์อย่างเอมมี่ชอบผู้ชายแบบไหน

“ภายนอกชอบผู้ชายนิ้วสวย มือเรียวๆ ยาวๆ เล็บสะอาด หน้าตาหนูไมได้โฟกัสว่าต้องหล่อ แต่ขอแค่อันดับแรกจะมองมือเลยว่ามือคุณสวยไหม นิ้วเรียวมั้ย ถ้านิ้วคุณเรียวสวย 50% คุณผ่านแล้วนะ หนูรู้สึกว่าเวลาเขาจะหยิบจับอะไร จะขับรถมันจะดูดีอ่ะ ไม่ใช่เล็บกุดๆ กัดเล็บ นิ้วสั้นๆ ป้อมๆ หนูชอบผู้ชายที่เป็นเมโทรเซ็กชวลน่ะ เหมือนเกย์หน่อยๆ ดูแลตัวเองมากๆ ถ้าเขาดูแลตัวเองได้ เขาก็ต้องดูแลเราได้น่ะค่ะ"

"นิสัย ชอบผู้ชายโรแมนติก ใส่ใจดีเทล ทำอาหารเป็น ถ้าผู้ชายทำอาหารเป็นมันจะดูมีอะไรนึกออกไหม แล้วถ้าผู้ชายมือสวยๆ ทำกับข้าวมันจะดูดีใช่ไหมล่ะ หนูชอบผู้ชายที่ทำกับข้าวเป็น ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ โรแมนติก ชอบผู้ชายขี้อ้อน เอาใจใส่เรา"

“แต่จริงๆ แล้วอายุไม่สำคัญนะคะ สำคัญที่อายุสมอง อยากได้คนที่ถ้าคุณอายุเยอะ แต่มีความคิดเป็นเด็ก ทำอะไรเป็นเด็ก ดูเป็นคนที่ไม่มีอนาคต มันก็ไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าคุณอายุน้อย แต่เป็นคนมีความคิด มีอนาคต เป็นผู้นำเราได้ก็โอเค แต่ถ้าถามจริงๆ แล้วก็คงอยากได้คนที่อายุมากกว่า แต่ว่าถ้าเลือกไมได้ก็ขอสมองโตกว่าก็พอ(หัวเราะ)”

ถึงตอนนี้เราก็เครื่องเราก็เริ่มติด ความอยากรู้ชักพาให้เราเดินทางมาถึงคำถามที่ว่า วิธีการจีบแบบไหนล่ะ ที่จะทำให้สาวเซ็กซี่อย่างเอมมี่ใจอ่อน

“เข้ามาบอกเลยว่าจีบ หนูเป็นคนชอบคนตรงๆ ไม่ชอบอ้อมค้อม รู้สึกว่าการที่เรามัวแต่อ้อมไปอ้อมมามันเสียเวลา แล้วจะไม่ชอบมากถ้าการที่ผู้ชายสักคนอยากจะรู้จักผู้หญิงสักคนแล้วให้เพื่อนแบบ เธอ มีคนอยากรู้จัก ให้เพื่อนมาเกริ่นให้ ถ้าอย่างนั้นเราคบกับเพื่อนคุณดีกว่าไหม ในเมื่อคุณอยากจะคบกับเรา คุณก็ควรจะเดินเข้ามาหาเราเอง เป็นคนชอบคนตรงๆ จะได้ไม่เสียเวลา รู้ว่าชอบ ไม่ชอบยังไงก็พูดไปเลย"

เพราะชอบให้ผู้ชายเข้ามาจีบแบบตรงไปตรงมานี่เองที่ทำให้ใครหลายคนมองว่าเอมมี่เป็นผู้หญิงที่ 'แร้งส์' แต่เอมมี่กลับบอกว่าเป็นเพราะเธอเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมาและไม่อยากให้เสียเวลาในความสัมพันธ์มากกว่า

“หนูเป็นคนตรงๆ ไงคะ หนูชอบคนตรงๆ มากกว่าค่ะ หนูเป็นคนที่ชอบคนที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา อยากจะไปไหน อยากจะทำอะไร ชอบ ไม่ชอบอะไรให้พูดออกมาเลย จะได้ไม่เสียเวลา สมมุติบางทีผู้หญิงคนนี้บอกอยากทำโน่นนี่นั่น ผู้ชายบอก เออ ตามใจ อะไรก็ได้ สุดท้ายผู้ชายไม่ชอบ มันก็จะกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจ สมมุติถ้าเราอยากไปตรงนี้ คุณไม่อยากไป ก็บอกมาแล้วหาแพลนใหม่ แบบนี้ดีกว่า ง่ายๆ คนละครึ่งทาง ไม่ใช่สปอลย์ผู้หญิงจนเกินไป หรือให้ผู้หญิงสปอลย์ผู้ชายจนเกินไป"

แต่เดี๋ยวก่อน หนุ่มๆ ทั้งหลายอย่าเพิ่งวู่วามไป เอมมี่สารภาพกับเราว่าตอนนี้เธอมีผู้ชายที่กำลัง 'คบๆ คุยๆ' กันอยู่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้คำเรียกสถานะว่าเป็นแฟนกันอย่างเต็มปากแต่เอมมี่ก็แบ่งเวลาให้กับผู้ชายคนนี้เป็นอันดับที่สามรองจากครอบครัวและงานของเธอเลยทีเดียว

"ตอนนี้ก็มีคนที่เราคุยๆ อยู่ เอมมี่ว่าคำว่าแฟนสำหรับสมัยนี้ไม่สำคัญนะ เพราะบางทีเป็นแฟนสามวันเลิกก็มี หนูรู้สึกว่าใครที่เราคุย ปรึกษาด้วยแล้วเราสบายใจ อนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้อาจจะเป็นแฟน พรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่ก็ได้ สถานะเอ็มมี่ว่ามันไม่สำคัญ มันสำคัญที่ความรู้สึกมากกว่า ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้ดีกว่า"

"ถ้ามีเวลา ถ้าว่างด้วยกันเราก็เจอกันน่ะค่ะ เพราะว่าบางที เวลาที่เราทำงาน เราคบใครสักคนนึงก็อาจจะเวลาไม่ตรงกัน ฉะนั้นถ้าสมมุติเราว่าง เขาว่าง มีโอกาสก็อาจจะกินข้าว คุยกัน ปรึกษากัน คุยกันว่าชีวิตเป็นยังไงบ้าง เอ็มมี่เป็นคนที่ชอบให้คนมาปรึกษาเรา หรือเราชอบไปปรึกษาเพื่อจะแชร์ความคิดกันมากกว่า เพราะเอ็มมี่เชื่อว่าคนเราทุกคนไม่สามารถมองตัวเองได้ครบทุกมุม ทุกด้าน เราต้องให้คนอื่นมามองแล้วก็คิดว่าจริงๆ เราเป็นคนยังไง มีข้อบกพร่องยังไง หรือเขาเป็นคนยังไง เขาควรต้องแก้ยังไง มันควรจะเป็นใครที่ช่วยกันปรับให้ดีขึ้น ไม่ใช่มายอกันว่า โอ้โห เธอ ทุกวันนี้เธอโอเคแล้ว แล้วเราก็จะไม่รู้ข้อบกพร่องของตัวเองน่ะค่ะ"

เอมมี่พูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่แต้มระบายบนใบหน้าของเธอมาตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ที่เรานั่งสนทนากัน บางทีเราก็แอบคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีสถานะมาแบ่งแยกว่าผู้หญิงที่กำลังคุยกับเราในตอนนี้เชื่อมโยงสัมพันธ์กับเราอย่างไรเหมือนกับที่เอมมี่คิดกับหนุ่มคนสนิทคนนั้นบ้าง ก็น่าจะดี

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนออกเดทกับ 'เอมมี่'

1. พูดถึงเดทแรกคุณนึกถึงอะไร
“เดทแรกคือการที่เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด มันจะพังหรือจะไปต่อก็คือวันนี้แหล่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าถ้ามันไม่ใช่ จะเจอครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ทำไม เสียเวลา เปลืองตังค์ เสียเวลา ถ้าวันแรกมันจะพังก็ให้มันพังไปเลย แล้วก็หาใหม่ จะได้ไม่เสียเวลา(หัวเราะ)”

2. ควรจะไปเดทที่ไหนดี
“ไปไหนก็ได้นะ กินข้าว หาแอคติวีตี้ทำ อยู่บ้าน อะไรก็ได้ ได้หมดเลยค่ะ เอ็มมี่คิดว่ามันไม่สำคัญที่สถานที่ สำคัญที่เราจะคุยกันยังไง เราจะทำอะไรด้วยกันมากกว่า"

3. ร้านอาหารสำหรับเดทแรก
“ชาบู บุฟเฟ่ต์ชาบู หนูเป็นคนชอบกิน กินอะไรก็ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าสมมุติถ้าจะกินแบบเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดก็บุฟเฟต์ชาบูนี่แหล่ะ อันนั้นจะได้ดูว่าเขาจะรับหนูได้หรือไม่ได้ นั่นแหล่ะ เขาจะรู้ทันทีว่าเขาจะรับหนูได้หรือเปล่า ถ้าเขาเห็นการกินของหนู เขาอาจจะคิดว่าอีผู้หญิงคนนี้ชั้นไม่เอาอีกแล้ว(หัวเราะ)”

4. คิดถึงเรื่องแต่งงานหรือยัง
“เคยคิดนะ เคยคิดตอนเด็กๆ ว่า เออ สักประมาณ 28 - 29 ชั้นจะแต่งงาน แต่นี่จะ 30 แล้วยังไม่รู้ทางจะไปไหนเลย(หัวเราะ) ก็เลยรู้สึกว่า มองเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญแต่ว่าก็คงมองว่าถ้าวันนึงเราเจอคนที่ใช่จริงๆ ก็คงคบกันไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน ถ้ามันใช่จริงๆ ก็คงแต่งได้ หนูรู้สึกว่าถ้าตอนนี้ยังไม่เจอก็คงรอไปเรื่อยๆ ดีกว่า อยากให้พร้อม ทั้งสองฝ่าย ทั้งครอบครัว พ่อแม่ ไม่ใช่เด็กสองคนโอเคกัน แต่พ่อแม่ไม่ได้โอเคกับเขา อยากให้ทุกอย่างมันพร้อมมากกว่า"

5. อายุไม่ได้บีบให้เราอยากแต่งงานมากขึ้นเหรอ
“ไม่จำเป็น หนูรู้สึกว่าถ้าชีวิตนี้ไม่แต่งงานก็อยู่ได้น่ะ เพราะรู้สึกว่าเรายังไม่ได้พร้อมที่จะมีภาระ ที่จะรับผิดชอบใคร แล้วเราก็ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นจะรับตัวตนเรา รับผิดชอบเรา รับผิดชอบครอบครัวเราได้ไหม สมมุติว่าหนูจะแต่งงานกับใครสักคน คนๆ นั้นต้องเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีมาก เพราะถ้าเขาดูแลตัวเองไมไ่ด้ เขาจะดูแลเราไม่ได้เลย เขาต้องดูแลเราได้ ดูแลครอบครัวเราได้ เพราะหนูเชื่อว่าหนูดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวเขาได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะดูแลครอบครัวเราได้หรือเปล่า"