Inside Dara
'เบสท์'' ไม่ใช่คนเก่ง...แต่ ไม่หยุดพัฒนา

หลังจากที่เซ็นสัญญากับเอ็กแซ็กท์ยาวนาน 5 ปี วันนี้นักแสดงสาว เบสท์–ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ ก็ขอออกมาเรียนรู้และเติบโตด้วยตัวเองในฐานะนักแสดงอิสระดูบ้าง งานนี้ เลยไม่รอช้า รีบคว้าตัวสาวน้อยคนนี้มานั่งพูดคุยทั้งเรื่องของหน้าที่การงานและหัวใจกันอย่างหมดเปลือกซะหน่อย

ผลงานตอนนี้มีอะไรบ้าง?

“ตอนนี้เพิ่งเปิดกล้อง “ผู้ดีอีสาน” ของค่ายยูม่า รับบทเป็น “ยอดหญิง” เป็นลูกคุณหนูไฮโซ เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ เป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย เรื่องนี้ก็เป็นการร่วมงานกับช่อง 3 ครั้งแรกด้วย ก็ดีใจ ได้เปิดตลาดใหม่ สามารถทำให้คนได้เห็น ได้รู้จักเรามากยิ่งขึ้นค่ะ”

เห็นว่าหมดสัญญาจากเอ็กแซ็กท์แล้ว ทำไมถึงตัดสินใจย้ายออกมา?

“ตอนนี้ก็เป็นนักแสดงอิสระ สามารถรับงานได้ทุกช่อง ทุกค่าย ที่เบสท์ตัดสินใจไม่เซ็นต่อ เพราะเบสท์มองว่าเราโตแล้ว ตอนนี้เรียนจบแล้วด้วย ถือเป็นวัยทำงานเต็มตัว ก็อยากทำงานที่หลากหลายขึ้น และเบสท์ไม่ชอบอยู่นิ่ง เป็นคนขี้เบื่อ ทุกวันนี้เบสท์เองก็มีงานประจำ ดังนั้นเราทำอะไรก็ตาม ก็อยากมีอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่เรา มันจะรวดเร็วขึ้น ซึ่งจริง ๆ ทางผู้ใหญ่ในเอ็กแซ็กท์เองก็บอกเบสท์เหมือนกันว่าทุกวันนี้เราพัฒนาฝีมือได้ดีขึ้นแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม เคารพการตัดสินใจของเราและบอกเราว่าสามารถกลับมาร่วมงานได้อีก ทุกคนยังคงให้โอกาสเบสท์อยู่เสมอ ก็ต้องขอบคุณมาก ๆ สำหรับโอกาสที่ให้มาตลอด 5 ปีค่ะ”

ตอนนี้ขึ้นชื่อเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัวแล้ว?

“ทุกวันนี้แฮปปี้ค่ะ เหมือนเราได้ออกมาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง รู้ว่ากระบวนการรับงานต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเรามีค่ายรับงานให้ ทางค่ายอาจจะเรียกค่าตัวให้ในราคาที่สูงและเหมาะสมมาก แต่เบสท์คิดว่าเราอยากทำงานเยอะ ๆ เรื่องค่าตัวเลยไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ เอาแค่เหมาะสมกับเราก็พอค่ะ ซึ่งพอเบสท์เป็นนักแสดงอิสระก็คิดว่าตัวเองโตขึ้นเยอะเลย เพราะเราต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองทั้งหมด เรื่องเหนื่อยก็มีบ้างเล็กน้อย แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ซึ่งตัวเรามีคุณพ่อคุณแม่ให้คำปรึกษาอยู่แล้ว คือแม้เรารับงานเองแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโกยทุกอย่างนะคะ เราก็มีลิมิตเหมือนกันว่ามันต้องเหมาะสม เช่น แฟชั่นเซ็กซี่เกินไปเราก็ไม่รับ เพราะเราเองก็ไม่ได้พร้อมตรงนี้”

เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กวงการนี้ให้อะไรมากที่สุด?

“ให้เรื่องความอดทนและความพร้อม การทำงานมันเหนื่อยมาก ถ้าเราไม่อึดจริงเราทำไม่ได้ เพราะงานมันไม่เป็นเวลา ซึ่งเราต้องพร้อมเสมอ ซึ่งหลักในการทำงานที่สำคัญของเบสท์คือถ้าเราตั้งใจจริง ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถหรอกค่ะ ให้เราได้ลองทำก่อน มันอาจจะเหนื่อยท้อ เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจว่าทำไมไม่ลองทำ อีกอย่างเบสท์จะคิดว่าต้องทำชีวิตของเราในทุกวันให้มีความสุขที่สุด

ทั้งเรื่องความรัก การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน เบสท์คิดว่าในทุกวันเบสท์ต้องมีรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหน แต่ขอแค่สักโมเมนต์นึงอะไรก็ได้ที่วันนี้หัวเราะได้ ก็ถือว่าเรามีความสุขแล้ว คือเบสท์เคยรู้สึกท้อขนาดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ก็มาคิดว่าคนอื่นแย่กว่าเราตั้งเยอะ ทำไมเขาอยู่ได้ เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมาครบ 32 แบบนี้ เรามีโอกาส ก็พยายามไม่ตัดพ้อตัวเอง ไม่ไปมองว่าทำไมเราถึงสู้คนอื่นไม่ได้ จริง ๆ เราท้อได้ แต่เบสท์จะไม่ยอมแพ้ค่ะ เพราะถ้ายอมนั่นคือเราถอยหลังลง ชีวิตเบสท์อาจจะมีหยุดอยู่กับที่ แต่จะไม่ยอมถอยหลัง อย่างน้อยเราอยู่กับที่หรือไม่ก็ก้าวขึ้น แม้จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ก็พอค่ะ”

นักแสดงหน้าใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก กังวลเรื่องการแข่งขันมั้ย?

“มันก็เป็นวัฏจักรแหละค่ะ เหมือนตอนที่เบสท์เข้ามาใหม่ ๆ เราก็เคยเป็นหน้าใหม่ มันก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ ฉะนั้นเบสท์ถือว่าเราไม่ต้องแข่งขันกับใคร แข่งแค่กับตัวเอง เบสท์เชื่อว่าถ้าเราอยู่ด้วยฝีมือ ไม่ใช่กระแส คือแม้เบสท์อาจจะไม่ได้เก่งมากมาย แต่ว่าเราอยู่ด้วยความรับผิดชอบ ที่ทำให้ทุกคนคิดว่าแม้ว่าไม่ได้เก่ง แต่ทำงานด้วยแล้วสบาย คนก็อยากทำงานด้วย เบสท์ไม่ใช่คนเรื่องมาก เคารพการทำงานของทุกคนทุกครั้ง ดังนั้นเด็กใหม่มามากน้อยขนาดไหนเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวค่ะ ถ้าเรายังคงรักษาความดีนี้ไว้ คือเบสท์ก็พยายามพัฒนาตัวเองมาตลอด 5 ปี และไม่เอาคนอื่นมาเทียบให้ตัวเองรู้สึกด้อย เราต้องพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยที่เราไม่ต้องไปเลียนแบบใคร จริง ๆ เบสท์ก็ยอมรับนะคะว่าในปีแรก ๆ เบสท์เล่นละครแย่มาก แต่ทุกวันนี้เบสท์ก็ก้าวมาอีกขั้นหนึ่ง แม้ว่ามันจะยังไม่ดีที่สุดก็ตาม ทุกวันนี้เบสท์เองก็ไม่ได้หยุดพัฒนา เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราหยุด เราจะเป็นคนโง่ คือใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว คนนั้นจะไม่อยู่กับที่และไม่เจริญค่ะ”

มีเป้าหมายในชีวิตยังไง?

“ถ้าในวงการบันเทิงเบสท์คงทำงานตรงนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะไม่มีโอกาสในการทำ เบสท์ก็รักวงการนี้ และมีความสุขที่ได้สร้างความสนุกให้กับผู้ชม ส่วนเป้าหมายในชีวิตเบสท์อยากทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งความฝันของเบสท์คือการเปิดร้านขายยา เพราะตอนเด็กเราฝันอยากเป็นเภสัชกร ในอนาคตเบสท์ก็อาจจะเรียนต่อทางด้านเภสัชกรก็ได้นะ ถามว่าทำไมเราไม่เลือกเรียนด้านเภสัชกรแทนการแสดง จริง ๆ มันอยู่ในช่วงที่เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต และสายศิลป์–คำนวณ แต่เบสท์เลือกเรียนอย่างหลัง เพราะเราไม่เก่งเลข ตอนแรกก็ตั้งใจจะเรียนเภสัชฯ ให้ได้เหมือนกัน แต่บังเอิญเราได้มีโอกาสประกวดสาวผิวสวยแล้วก็ชนะ ทั้งที่ตอนนั้นเราอ้วน ใส่แว่น ไม่สวยเลย และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยน พอมาถึงวันนี้ที่เราทำงานได้ขนาดนี้ก็ภูมิใจในตัวเองนะ จากเด็กที่ไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่เด็กฉลาด แถมยังขี้อายมาก ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะเป็นดาราและกล้าแสดงออกได้แบบนี้ วงการบันเทิงพลิกชีวิตเบสท์ได้เลย จากเด็กที่ขี้เหร่กลับกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจเยอะมากค่ะ”

เรื่องหัวใจเห็นว่าโสดแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?

“แรก ๆ ก็เหงานะคะ แต่ก่อนเคยมีคนที่คอยสนใจเรา แต่พอวันนึงที่ไม่มีแล้ว มันก็อาจจะรู้สึกเคว้ง ๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาอะไรในชีวิต เราไม่ได้ไขว่คว้าหรือตามหา เบสท์มองว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีและสวยงามแต่ว่าเราต้องมีให้ถูกเวลาและเหมาะสมด้วย”

พอถึง ณ เวลานี้ เราคิดว่ามุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไปบ้างรึเปล่า?

“เยอะมากจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าแต่ก่อนเราจะเป็นคนเอาแต่ใจ ยอมรับเลยว่าเบสท์ไม่ใช่คนใจเย็น ดังนั้นคบใครก็จะทะเลาะกันบ่อย เพราะด้วยความไม่ยอมคน จนวันนึงที่เราเจอคนที่เขาเป็นแบบเรา แถมยังมากกว่าเราอีก พอเจอกันก็เหมือนไฟเจอไฟ มันก็ระเบิด มันเลยเป็นจุดที่ทำให้เราคิดว่าตัวเราเองควรเย็นลงมั้ย และทำให้เราปรับเปลี่ยนนิสัย ก็คิดว่าเราไม่ชอบคนเอาแต่ใจแบบนี้ เราก็จะไม่เป็นแล้ว สิ่งที่เบสท์เป็นในอดีตเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราก็ปรับใหม่ให้มันดี ณ วันนี้เบสท์เปิดใจค่ะ ใครที่เข้ามาคุยก็คุยได้ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าตอนนี้เบสท์อาจจะยังไม่พร้อมที่จะมีใครจริง ๆ จะมาเป็นเพื่อนกัน คอยดูแลซึ่งกันและกันได้ แต่ถ้าจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชีวิตเราหรือจะมาหึงหวง ห้ามเล่นเลิฟซีน อันนี้ไม่ได้ หัวใจเบสท์ยังคือการทำงาน ถ้าเกิดคนที่จะมาดูแลหัวใจเราแต่กลับมากีดกันไม่ไห้เราทำงานที่เรารัก คงรับไม่ได้ค่ะ”

สำหรับเบสท์อะไรที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนอยู่ยาวนานที่สุด?

“ความเสมอต้นเสมอปลายค่ะ คุณจะดีเลวขนาดไหนแต่ขอให้เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรก จนถึงวันสุดท้าย เบสท์รับได้นะถ้าเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ แต่ขอให้แสดงออกตั้งแต่แรก อย่ามาสร้างภาพกับเรา เราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะได้แต่งงานกันรึเปล่า แต่ก็ขอให้เขามีความสม่ำเสมอ เพราะส่วนใหญ่มีแต่โปรโมชั่น 4 เดือนแรกเอาใจดี แต่พอเข้าเดือนที่ 5 กราฟจะตก คือผู้หญิงเวลารักจะเริ่มต้นจากศูนย์ไปร้อย แต่ผู้ชายจะเป็นจากร้อยไปศูนย์ และเมื่อคนที่เราคบมันไปถึงจุดศูนย์นั้น มันก็จะแย่ จะเกิดคำถามว่าเราคบกันเพื่ออะไร แค่มีความสุขระยะแรกแต่สุดท้ายเราไม่สามารถประคองไปได้เหรอ คือเบสท์จะพูดเสมอว่าเป็นไปได้มั้ยอยากให้เขารู้สึกเหมือนวันแรกในทุกครั้งที่เราเจอกัน และถ้าใครก็ตามสามารถเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้ได้เรื่อย ๆ นั่นแหละค่ะเราจะคบกันได้ยาวจนถึงขั้นแต่งงานกันก็ได้”

ผู้ชายคนต่อไปที่จะเข้ามาดูแลหัวใจต้องมีลักษณะอะไรเป็นพิเศษมั้ย?

“เบสท์เป็นคนที่มีสเปกเยอะมากนะ ทุกวันนี้เลยยังหาไม่ได้ สำคัญเลยทำอะไรก็ตามขอแค่ให้เกียรติกัน เห็นค่าและเอาใจใส่ เพราะถ้าเราทำอะไรก็ตามเขาไม่เห็นค่าเราทุกอย่างก็จบ ที่ผ่านมาในชีวิตเบสท์เจอคนไม่เห็นค่าเยอะมาก ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เราทำอะไรให้เขา ก็อยากให้เขาประทับใจ แต่เขาก็มองข้ามละเลย แต่อีกมุมมันก็ทำให้เราได้โตขึ้นเหมือนกัน คือเรื่องของความรักเป็นเรื่องคนสองคนก็จริง แต่ถ้าเราเอาทุกข์ทุกอย่างที่เกิดจากเขามาใส่ตัวเองคนเดียว เราก็เสียใจคนเดียว แต่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ก่อนเราคงรักคนอื่นมากเกินไป เห็นว่าเขามีค่ามากขนาดอยากรักษาเขาไว้ จนลืมรักตัวเอง หมดค่าในสายตาคนอื่น ทุ่มเทให้เขาจนลืมคิดว่าเราก็มีคุณค่านะ ทำไมเราไม่คิดว่าเรามีค่าพอมากกว่าที่คนแบบนี้จะได้มาคุยหรือคบกับเรา อีกอย่างคือเบสท์จะเกลียดมากคือการโกหก เพราะในชีวิตเบสท์ไม่เคยโกหก แต่ก็เจอแต่คนโกหกตลอด อย่างมีคนมาชอบเราทั้งที่เรามีแฟนอยู่แล้วเบสท์ก็พูดเลยนะว่ามีคนมาชอบ มาคุยกับเรา เบสท์ไม่ปิด เพราะการโกหกมันคือความไม่จริงใจต่อกัน เราบริสุทธิ์ใจก็บอกไปเลยค่ะ และเบสท์เป็นคนตรง ๆ ด้วยชอบบอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ เพราะถ้าเราไม่ชอบก็จะไม่ไปหลอกให้ความหวัง มันเหมือนไปทำร้ายเขา และก็เสียเวลาซึ่งกันและกันค่ะ”

ท้ายสุดเราคาดหวังกับความรักครั้งต่อไปยังไงบ้างมั้ย?

“ก็หวังว่าคนต่อไปที่เข้ามาไม่หลอกเรา คือที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้หลอกเรานะคะ แต่เบสท์กลัวคนหลอก เพราะเราไว้ใจคนง่ายเกินไป ดังนั้นคนที่เข้ามาในอนาคตก็ขอที่จริงใจจริง ๆ และอยากคบเราระยะยาว ไม่ใช่แค่แบบขอควงดาราเท่ ๆ อยากให้รักที่เบสท์เป็นเบสท์ ไม่ใช่รักที่เปลือกนอก และเข้ากับเบสท์ได้ในทุกเรื่อง ซึ่งคนต่อไปเบสท์คงต้องเลือกมากขึ้น จะคบใครก็คงต้องใช้เวลาในการสกรีนและสแกน ต้องรู้ทุกเม็ดว่าเป็นคนยังไงค่ะ”

เห็นมุ่งมั่นแบบนี้ก็ขอให้เธอโชคดีทั้งเรื่องงานและความรักนะจ๊ะ