Inside Dara
เบลล่า'ทึ่งฝีมือ'อันดา' ยอมหลีกทาง-มุพัฒนาตัว

หายหน้าไปพักหนึ่ง กลับมาอีกครั้งก็ ถูกกล่าวขวัญถึงหลังลงเล่นละคร "พรพรหมอลเวง" ทางช่อง 3 กับบทน่าหยิก 'ตันหยง' ที่ต้องไปสิงร่างเด็ก 'น้องเมย์' สำหรับนางเอกสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ 'เบลล่า'ราณี แคมเปน

วันนี้จังหวะเหมาะที่ละครถ่ายทำจวนๆ จะปิดกล้อง เลยชะแว้บเยี่ยมหน้าเข้ากอง

เจอพระเอกเกรียน 'บอย'ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ตรงดิ่งเข้ามาแหย่ให้ฮาแล้วจากไป ตามติดด้วยน้องหนูตัวน้อยแต่มากฝีมือ 'อันดา'กุณฑีรา ยอดช่าง ที่รับบท 'น้องเมย์' พอเห็นกล้องก็โพสท่าสุดทะเล้นใส่

จากนั้นถึงได้ลงมือพูดคุยกับน้องหนู 'เบลล่า' แบบรันยาว

ดูเหมือนเบลล่าจะหายไปพักหนึ่งเลย?

เบลล่า - "หลังเล่นละครหลังข่าวเรื่องแรก 'รอยมาร' ต่อด้วยละครเย็น 'ตะวันยอดรัก' หนูก็ต้องกลับไปเรียนเพราะเป็นปีสุดท้ายแล้วค่อนข้างหนัก ไหนจะต้องทำธีซิสด้วยทำให้รับละครได้เรื่องเดียว เลยไม่มีงานต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว กลับมารับงานได้เต็มที่ มีละคร 2 เรื่องคือ 'พรพรหมอลเวง' และ 'สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร' ค่ะ"

ก่อนหน้านี้เล่นเป็นคู่รองมาตลอด กลับมาอีกทีเป็นนางเอกเลย?

เบลล่า - "ตื่นเต้นมากค่ะ จริงๆ เรื่องแรกที่เล่นเป็นนางเอกคือ 'คุณชายพุฒิภัทร' แต่กว่า จะได้เล่น แคสต์อยู่เป็นปี ลุ้นมากๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้มองว่าจะได้เป็นนางเอกหรือไม่ได้เป็น แค่ได้เล่นละครก็ดีใจแล้ว จากนั้นก็มีละคร 'พรพรหมอลเวง' ติดต่อมา ได้เป็นนางเอกอีกแล้ว ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสขนาดนี้ เพราะอย่างตอนเล่น 'รอยมาร' ออกจะร้ายๆ ด้วยซ้ำ"

การได้เป็นนางเอก ความรู้สึกมันแตกต่างจากตอนที่เล่นเป็นตัวรองไหม?

เบลล่า - "ส่วนตัวแล้วไม่ต่าง แต่ในการทำงานต่าง คือเราต้องเอาให้อยู่ ความกดดันมีมากขึ้น ด้วยความที่บทเยอะขึ้นด้วย ทำการบ้านก็หนัก ละเอียดขึ้น และคนค่อนข้างจับตามอง อย่างเรื่อง 'พรพรหมอลเวง' ตอนแรกไม่กดดันเลย เวิร์กช็อปก่อนเล่นจริงเยอะ วันแรกๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเล่นๆ ไปพัฒนาการตัวละครเพิ่มขึ้น หนูต้องเปิดรับ แล้วยิ่งรู้ว่าเวอร์ชั่นเก่าที่พี่แอน (สิเรียม) เล่นไว้ดังมาก ก็ลุ้นน่าดูว่าจะเป็นยังไง"

"ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบคงมีอยู่แล้ว แต่ไม่ซีเรียสเพราะเป็นเรื่องราวของยุคนี้ มีการเพิ่มตัวละคร ปรับบทให้ทันสมัย คาแร็กเตอร์ในเรื่อง ตันหยงจะเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง เชื่อมั่นในความรัก การที่วิญญาณตัวเองไปอยู่ในร่างเด็กมันก็จะมีอารมณ์อึดอัด ตรงนี้ต้องแสดงออกมาให้ได้"

กลัวว่านักแสดงเด็ก 'น้องอันดา' จะแย่งซีนไหม?

เบลล่า - "ไม่ห่วงเลยค่ะ ถ้าน้องเล่นดีก็เหมือนช่วยดึงคนดูด้วย หนูก็ทำเต็มที่ในส่วนของตัวเอง อย่างตอนเล่นด้วยกันสนุกมาก ถูกชะตาตั้งแต่เจอครั้งแรก ยิ่งเล่นยิ่งปล่อยของออกมาเยอะ น้องเป็นเด็กฉลาดมาก พูดนิดเดียวทำได้เลย กดดันผู้ใหญ่ในกองไปด้วย"

"ส่วนพี่บอย (ปกรณ์) เคยร่วมงานกันตอนละคร 'รอยมาร' มาแล้ว ครั้งนี้มาเจอกันอีกก็เข้าขากัน พี่บอยเป็นคนเก่งและรับส่งให้หนูเล่นได้ด้วย ถามว่าคาดหวังแค่ไหนกับผลงานละครเรื่องแรกที่เป็นนางเอกเต็มตัว แค่ให้คนดูชอบแค่นั้นพอแล้ว ทำเต็มที่ คุยกับ ผู้กำกับฯ ตลอด พยายามพัฒนาตัวเองค่อนข้างมากค่ะ"

แล้วเรื่อง "คุณชายพุฒิภัทร" ล่ะ?

เบลล่า - "เรื่องนั้นรับบทเป็นเด็กสาวบ้านนอก บ้านจน เป็นลูกภารโรง เรียบร้อยตามวัย ทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินใช้หนี้ให้ที่บ้านค่ะ"

เห็นว่ามีละครเรื่อง "ลูกทาส" ของค่ายทีวีซีนอีกหนึ่งเรื่อง?

เบลล่า - "เดี๋ยวรอช่องคอนเฟิร์มอีกที ถ้าได้เล่นเท่ากับว่าปีนี้จะมีละคร 3 เรื่องเลยค่ะ"

หลังจากนี้จำเป็นไหมว่าจะต้องเป็นนางเอกทุกเรื่อง?

เบลล่า - "ไม่จำเป็นเลยค่ะ เพียงแต่ต้องดูความเหมาะสมเรื่องเวลาด้วย หนูมองว่าตัวเองเป็นนักแสดงมากกว่า เล่นบทไหนก็ได้ แล้วแต่ผู้ใหญ่จะเห็นว่าเหมาะสม"

คิดว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร?

เบลล่า - "มีคนบอกมาว่าน่าจะเป็นสายตา หนูสามารถจะหวานหรือร้ายได้ผ่านดวงตาเลยค่ะ"


พอเริ่มมีชื่อเสียงก็เริ่มมีข่าว เตรียมรับมืออย่างไรบ้าง?

เบลล่า - "หนูไม่เคยสัมผัสจุดนั้นไม่รู้ว่าจะเตรียมรับมือยังไง อาศัยความจริงใจไว้ก่อน มีอะไรก็ตอบไปตามความจริง อีกอย่างถ้าเรื่องไหนยังไม่เกิดก็อย่าเพิ่งไปคิดถึงมัน ไม่อย่างนั้นจะเครียดเปล่าๆ ค่ะ"

ทัศนคติที่มีต่อวงการบันเทิงก่อนและหลังเข้ามาอยู่ ต่างกันไหม?

เบลล่า - "ต่างกันสิ้นเชิงค่ะ ตอนแรกมองว่าการเล่นละครไม่น่ายาก แต่พอเล่นถึงรู้ว่าการเล่นละครเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ตัวเราไม่ต้องเอาชนะหรือแข่งกับใคร แต่ต้องชนะใจตัวเองให้ได้ ต้องไม่รู้ ไม่คิดแทนตัวละคร ต้องรู้สึกออกมาจากข้างในแล้วจะเล่นออกมาได้เอง"

"หนูว่าหนูคิดถูกที่ตัดสินใจมาเล่นละคร มีความสุขทุกครั้งที่มากองถ่าย กลายเป็นว่าตอนนี้รักวงการไปแล้ว แต่ต้องพัฒนาตัวเองค่อนข้างเยอะ เพราะยังไม่เก่ง ฟังแล้วเข้าใจแต่ยังทำไม่ได้ ตอนนี้อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลักของหนูแล้ว"

วางอนาคตในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?

เบลล่า - "ตั้งใจว่าจะทำงานและเรียนปริญญาโทไปด้วย เรื่องงานในวงการ ถ้ายังมีละครให้หนูเล่นก็จะเล่นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่มีหนูก็คงทำงานด้านที่เรียนมา ซึ่งก็อยู่ในแวดวงการบันเทิงนี่แหละค่ะ"

ยังไงก็ไม่พ้นสิ่งที่รัก
หลายบุคลิก
เติบโตมาในครอบครัวเดี่ยว โดยนางเอกสาว 'เบลล่า-ราณี' เล่าว่า

"ที่บ้านเลี้ยงแบบไม่ตามใจค่ะ เด็กๆ เคยอยากได้ตุ๊กตาบาร์บี้แต่แม่ไม่ให้เพราะมันแพงไป หลายคนชอบคิดว่าลูกคนเดียวน่าจะถูกตามใจ แต่ไม่เลย ตอนนั้นเคยน้อยใจว่าคนอื่นก็มีบาร์บี้ทั้งนั้น ทำไมพ่อแม่ไม่ซื้อให้บ้าง ของเล่นส่วนใหญ่ที่ซื้อให้จะเสริมสร้างพัฒนาการทั้งนั้น"

'เบลล่า' เป็นสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ โดยมีพ่อเป็นคนอังกฤษ แม่เป็นคนไทย การเลี้ยงจึงเป็นการเลี้ยงแบบผสม

"พ่อเป็นอังกฤษประเภทหัวโบราณคล้ายคนไทยมาก โดยเฉพาะเรื่องระเบียบวินัย จะเข้มงวดมาก หนูเกิดที่เมืองไทยแต่ว่าได้ภาษาอังกฤษก่อนภาษาไทย เพราะที่บ้านพูดอังกฤษตลอด เขามองว่าหนูอยู่เมืองไทย ยังไงก็ต้องได้ภาษาไทยแน่ๆ เลยอัดภาษาอังกฤษเข้ามาก่อน"

ส่วนนิสัยใจคอเธอนั้น นางเอกสาวกล่าวว่า "หนูเป็นคนมีหลายบุคลิก มีอารมณ์ขัน ชอบรับฟังคนอื่น ชิลชิล ไม่ค่อยซีเรียส ถามว่าเอาแต่ใจไหม ไม่ถึงขั้นเอาแต่ใจ แต่อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจจะมีหงุดหงิดอยู่ข้างในเล็กๆ แต่ไม่โวยวายเพราะถ้าทำอะไรผิดที่บ้านก็ลงโทษค่ะ"

มีแววเป็นนางเอกตั้งแต่เด็กเลยไหม น้องหนูหัวเราะก่อนเม้าธ์ตัวเอง "ตอนเด็กๆ อ้วนมาก ผมหยิกติดหนังหัวเลย ไม่เคยคิดว่าจะเข้าวงการ แล้วพ่อแอนตี้ด้วย เพราะมีคนติดต่อให้ไปถ่ายโฆษณาแป้งเด็ก พ่อก็ไม่ให้ โตมาหน่อยมีคนชวนเข้าโมเดลลิ่ง พ่อก็ไม่ยอม จนเข้ามหาวิทยาลัยเรียนอยู่ตัวแล้ว พ่อถึงได้ปล่อย เพราะเขาให้ยึดเรื่องเรียนเป็นหลัก กลัวจะเรียนไม่จบ"

แต่ดวงคนจะดัง ยังไงก็ฉุดไม่อยู่
ชื่อเล่น : เบลล่า
ชื่อนามสกุล : ราณี แคมเปน
วัน/เดือน/ปีเกิด : 24 ธ.ค. 2532
บิดา/มารดา : อาโนล-ปราณี แคมเปน
การศึกษา : อนุบาล ร.ร.ชนานันท์, ป.1-ป.3 ร.ร.ปราโมชวิทยารามอินทรา, ป.4-ป.6 ร.ร.ประชานิเวศน์, ม.1-ม.6 ร.ร.สารวิทยา, อุดมศึกษา จบปริญญาตรี ม.ธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน วิทยุ-โทรทัศน์

ความรักคือความเข้าใจ-คุย'เวียร์'พี่น้อง

งานเข้าสาว 'เบลล่า-ราณี' เต็มๆ หลังมีข่าวกำลังคบหาพระเอกต่างช่อง 'เวียร์'ศุกลวัฒน์ คณารศ สนิทถึงขั้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน

"ไม่ขนาดนั้นค่ะ" น้องหนูรีบแย้ง จากนั้นก็อธิบายว่า "รู้จักกันมาปีกว่าแล้ว เพราะเล่นหนัง 'ปิตุภูมิ พรมแดนแห่งรัก' ด้วยกัน แต่หนังยังไม่ฉาย คนเลยสงสัยว่าไปสนิทกันได้ยังไง เพราะอยู่ต่างช่องด้วย แต่เอาเข้าจริงๆ เราเครือญาติเดียวกัน เป็นเด็กสังกัดพี่เอ-ศุภชัย เหมือนกัน"

"ก่อนหน้าจะมีข่าวก็คุยกันอยู่แล้ว แต่เพิ่งเป็นข่าวเพราะปีใหม่หนูไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อน พี่เวียร์ก็ไปกับเพื่อนเขา บังเอิญเจอกันเลยไปทริปไหว้พระด้วยกัน คนก็ว่าแอบไปเที่ยวกัน จริงๆ แยกกันไป"

ถามว่ารู้สึกคลิกบ้างไหม เบลล่ากล่าวว่า "ไม่ได้อะไรเป็นพิเศษ พี่เวียร์น่ารัก นิสัยดี ประทับใจในความจริงใจ เปิดเผย ไม่มีกำแพง ไม่ทำตัวเป็นพระเอกตลอดเวลา หลังเป็นข่าวก็คุยกันบ้าง พี่เวียร์ก็ขำๆ"

สำหรับสเป๊กหนุ่ม เบลล่าแง้ม "ไม่มีสเป๊กตายตัว ขอเทกแคร์ได้ และต้องเข้าใจงานหนู"

เท่าที่คุย เวียร์พอจะใกล้เคียงสเป๊กไหม น้องหนูร้อง "โอ๊ย...ไม่ได้คุยกันถึงขั้นนั้น ตอนนี้เป็นพี่น้องปกติ ถามว่ามีแนวโน้มพัฒนาไหม เป็นเรื่องอนาคต ยังตอบไม่ได้เพราะยังไม่ได้อะไรจริงๆ การเริ่มต้นคุยกันไม่ได้เป็นลักษณะจีบกัน แต่คุยแบบพี่น้อง ปรึกษากัน"

ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ เวียร์ก็หล่อเข้มเลยนะ น้องหนูส่ายหน้า

พี่เอว่ายังไง เพราะเคยมีกฎห้ามเด็กในสังกัดเป็นแฟนกัน "ยังไม่เจอพี่เอเลย แล้วก็ไม่เห็นว่าพี่เอโทร.มาด้วย เขาคงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร"

นิยามความรักของเบลล่าคืออะไร เจ้าตัวว่า "ความรักคือความเข้าใจกันค่ะ การที่คนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข อยู่ด้วยกันแล้วทำให้ยิ้มได้หัวเราะได้ค่ะ"

แล้วตอนที่ไปไหนมาไหนกับเวียร์มีความสุขไหม "โอ้โห! อะไรเนี่ย ไม่เคยไปไหนกันสองต่อสองเลยค่ะ"

แหม...นึกว่าจะหลงกลซะแล้ว